
ญาติเศร้าตั้งศพยายวัย64ปีเหยื่อเมาแล้วขับซ้ำรอยนักปั่นเสือสันทราย รับยากทำใจเพราะใช้เส้นทางไปกลับตลาดเป็นประจำ ทั้งขี่อย่างระวังและมีไฟส่องสว่าง ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุและจบชีวิตเพราะคนเมาแล้วขับ หวังให้เป็นเหยื่อเมาแล้วขับรายสุดท้าย
ความคืบหน้ากรณีช่วงเช้ามืดของวันที่ 1 ต.ค.62ที่ผ่านมา ที่นางสาวบุญพึ่ง ธินะ อายุ 64 ปี ชาวตำบลสันทรายหลวง อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ถูกรถยนต์กระบะเมาแล้วขับชนระหว่างขี่จักรยานจากตลาดกลับบ้าน จนเสียชีวิตทันที บนถนนสันทราย-แม่โจ้(สายเก่า) บริเวณหน้าโรงเรียนอนุบาลวีรยา ตำบลสันทรายหลวง อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบคนขับรถยนต์กระบะมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย 149 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สูงกว่าที่กฎหมายกำหนดไม่ให้เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โดยอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นที่สนใจอย่างมากในกลุ่มนักปั่นจักรยาน เนื่องจากเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้วเพิ่งเกิดเหตุกับว่าที่ร้อยตรีสุพล ตาสิงห์ อายุ 60 ปี นักปั่นสมาชิกชมรมปั่นจักรยานเสือสันทราย ที่ถูกคนเมาแล้วขับชนเสียชีวิตบนถนนเส้นทางเดียวกันนี้และเป็นช่วงเช้ามืดเหมือนกัน
ซึ่งทางครอบครัวและญาติของนางสาวบุญพึ่ง ผู้เสียชีวิต ได้ตั้งศพจัดพิธีสวดบำเพ็ญกุศลที่วัดข้าวแท่นหลวง ตำบลสันทรายหลวง อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า มีคนรู้จักร่วมงานและแสดงความเสียจำนวนหนึ่ง โดยจะมีการจัดพิธีเผาในวันที่ 5 ต.ค.62 ทั้งนี้นางสาวลัดดา ธินะ เปิดเผยว่า รู้สึกเศร้าเสียใจอย่างมากและอยู่ระหว่างการปรับสภาพจิตใจ เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้กับน้องสาว เพราะปกติน้องสาวจะขี่จักรยานไปกลับตลาดในช่วงเวลานี้และใช้เส้นทางนี้เป็นประจำต่อเนื่องมาหลายปีแล้วสัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง เพื่อนำพืชผักที่ปลูกไว้เล็กๆ น้อยๆ ในบ้านไปส่งขายให้กับแม่ค้าที่ตลาด โดยทุกครั้งจะขี่ด้วยความระมัดระวังและตลอดเส้นทางมีไฟส่องสว่างอยู่ตลอด จึงไม่น่าเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น
นางสาวลัดดา บอกว่า หลังจากที่เกิดเหตุได้มีผู้มาแจ้งที่บ้าน และตัวเองได้รีบไปดูที่จุดเกิดเหตุทันที พบว่าน้องสาวเสียชีวิตแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจวัดแอลกอฮอล์ของคนขับรถยนต์กระบะที่ขับชนน้องสาว ซึ่งเวลานั้นเห็นคนขับมีลักษณะคล้ายคนเมา และผลการตรวจวัดพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์สูงกว่าที่กฎหมายกำหนด จากนั้นตำรวจได้พาไปที่สถานีตำรวจ โดยในช่วงที่เกิดเหตุนั้น มีผู้ที่เห็นเหตุการณ์แล้วเข้าไปให้การช่วยเหลือพร้อมทั้งมีการถ่ายคลิปวิดีโอไว้อย่างละเอียด เชื่อว่าน่าจะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนในการดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเบื้อต้นนอกจากการบอกแสดงความเสียใจจากคนขับรถยนต์กระบะในที่เกิดเหตุแล้ว จนถึงเวลานี้ยังไม่มีการพูดคุยเจรจากันในรายละเอียด ส่วนหนึ่งเพราะทางครอบครัวและญาติต้องช่วยกันจัดการเรื่องศพของน้องสาว เพราะสามีเสียชีวิตไปนานกว่า10ปีและมีลูกชายเพียงคนเดียว อย่างไรก็ตามคงให้การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และหวังให้กรณีของน้องสาวของตัวเองที่ต้องเสียชีวิตจากคนเมาแล้วขับเป็นครั้งสุดท้ายเสียที