
ชาวบ้านแม่เหียะ เชียงใหม่ แห่ร่วมงานประเพณีโบราณพิธีเลี้ยงดง หรือพิธีเซ่นวิญญาณยักษ์ปู่แสะ ย่าแสะ ที่ปกปักรักษาดอยสุเทพ-ปุย และดอยคำ สืบทอดต่อกันกว่า 200 ปี ด้วยการล้มควายตัวเขื่อง ให้ร่างทรงยักษ์กินเลือด-เนื้อควายดิบของเซ่น ขอให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ฝนตกต้องตามฤดูกาล
เช้าวันนี้(28พ.ค.61) ที่บริเวณลานหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ที่ 4 เชิงดอยคำด้านทิศตะวันตก หมู่ 3 บ้านป่าจี้ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เทศบาลเมืองแม่เหียะ ร่วมกับสภาวัฒนธรรมตำบลแม่เหียะ และทุกภาคส่วนจัดงานประเพณีเลี้ยงดงหรือพิธีพิธีบวงสรวงปู่แสะ ย่าแสะ โดยปีนี้มีแนวคิดว่า “พลังศรัทธา สู่การรักษาผืนป่าอย่างยั่งยืน” ซึ่งมีชาวบ้านและคณะศรัทธา รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ กว่า 3,000 คน เข้าร่วมงานประเพณีดังกล่าวเพื่อความเป็นสิริมงคลโดยในพิธีดังกล่าวได้มีการจัดพิธีบริเวณลานโล่งในป่า ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ดง” โดยได้มีการจัดขบวนแห่ผ้าบด ซึ่งเป็นผ้ารูปภาพของพระพุทธเจ้าปางห้ามญาติ อายุเก่าแก่ประมาณ 100 ปี เข้ามาที่ดง เพื่อเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า จากนั้นจะได้มีการมีการนำเอาควายดำ ตัวผู้ ที่มีลักษณะเขายาวเท่าหู นำมาเชือดเพื่อเป็นเครื่องเซ่นไหว้บวงสรวงปู่แสะ ย่าแสะ โดยจะมีผู้เฒ่าผู้แก่เชิญวิญญาณผีปู่แสะย่าแสะ และเหล่าบรรดาลูก ๆ อีก 32 ตน มาเข้าร่างทรง เพื่อให้มารับสิ่งของเครื่องเซ่นที่เตรียมไว้ในพิธี
จากนั้นคนทรงจะเข้ามากินเนื้อควายดิบๆ เลือดสดๆ โดยประเพณีโบราณไม่กี่ชนิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในขณะนี้ ซึ่งตามความเชื่อจัดพิธีดังกล่าว จะก่อให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ฝนตกต้องตามฤดูกาล และประชาชนไม่เจ็บไข้ได้ป่วยทำการเกษตรได้ผลดีตลอดปี ในขณะเดียวกัน ป่าต้นน้ำก็ยังคงอยู่ และสำหรับผู้บุกรุกก็มักมีอันเป็นไปด้วยอิทธิฤทธิ์ของดวงวิญญาณปู่แสะ-ย่าแสะ โดยพิธีนี้ถือสืบทอดปฏิบัติมากว่า 200 ปี จนถึงปัจจุบัน
สำหรับประเพณีเลี้ยงดงถือเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ตามความเชื่อที่ว่าเมื่อครั้งพุทธกาลมีเมืองชื่อ บุพนคร เป็นเมืองชนเผ่า ลัวะ ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำปิงและดอยอ้อยช้าง ประชาชนอยู่กันอย่างไม่เป็นสุขเนื่องจากถูกยักษ์สามตน พ่อ แม่ ลูก จับกินต้องอพยพหนีออกจากเมือง
โดยในวันต่อมาพระพุทธเจ้าก็เสด็จพร้อมสาวกมาที่ดอยใต้ และได้ให้พระอานนท์ไปตามยักษ์ทั้งสามตนมาพบและทรงแสดงอภินิหารให้ยักษ์ทั้งสามตนได้เห็น เมื่อยักษ์เห็นเช่นนั้นก็เกิดความเสื่อมใสศรัทธาในพระองค์ และพระองค์ได้แสดงธรรมให้ฟังและให้ยักษ์ทั้งสามตนถือศีลห้า ซึ่งรวมห้ามฆ่าสัตว์ด้วย แต่ยักษ์ขอพระพุทธเจ้าว่าตนเป็นยักษ์ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ไม่รู้จะกินอะไรพระพุทธองค์ทรงไม่อนุญาต
ดังนั้นยักษ์จึงไปขอเจ้าเมือง บุพนคร เจ้าเมืองลัวะตกลงให้กินปีละตัว โดยยักษ์ปู่ขอกินควายเผือกเขาดำ ยักษ์ย่าขอกินควายดำกลีบเผิ้ง (ต้องเป็นควายหนุ่มตัวผู้มีเขาเสมอหู) แต่เจ้าเมืองมีข้อแม้ว่ายักษ์ต้องรักษาพระพุทธศาสนาไปห้าพันปี และรักษาบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดไปด้วย ส่วนยักษ์ลูกได้บวชเป็นพระและลาสิกขาออกมาเป็นฤาษีนามว่า “สุเทพฤาษี” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อดอยสุเทพนั่นเอง เมื่อสิ้นยักษ์ปู่ และยักษ์ย่าไปแล้วชาวบ้านยังเกรงกลัวยักษ์อยู่จึงยังคงทำพิธีเซ่นสรวงดวงวิญญาณ ที่เรียกว่า “พิธีเลี้ยงดง” จนมาถึงปัจจุบัน