
ตำรวจภาค 5 และ จนท.กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข บุกจับคลินิกดัดฟันเถื่อน กลางเมืองเชียงใหม่ รวบอดีตพยาบาลดำเนินคดี หลังผู้ปกครองร้องเรียนลูกเก็บเงินไปจัดฟันแฟชั่น แต่เกือบเน่าทั้งปาก พบทำมาหลายปีโฆษณาผ่านเฟซบุ๊คลูกค้าเพียบช่วงบ่ายวันนี้(10ส.ค.62) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 1 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งทันตแพทย์ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นร้าน Den Lab เลขที่ 4 ถนนโชตนาซอย 16 ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งที่ตั้งเป็นอาคารพาณิชย์ขนาด 2 ชั้น ของว่าที่ร้อยตรีปิติคุณ รุ่งเรือง อายุ 37 ปี ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดเป็นห้องปฏิบัติการทำวัสดุต่างๆเพื่อส่งให้คลินิกหรือโรงพยาบาล แต่มิได้รับอนุญาตตามกฎหมายให้เปิดเป็นสถานพยาบาลตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541
ทั้งนี้เนื่องจากได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการแอบลักลอบจัดฟันโดยผิดกฎหมายหรือดัดฟันแฟชั่นให้แก่วัยรุ่นทั่วไปในราคา 2,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งมีผู้ปกครองที่ร้องเรียนรายหนึ่งแจ้งว่าลูกนำเงินที่เก็บออมไว้ไปจัดฟันที่ร้านดังกล่าว แต่ปรากฏว่าเกิดการติดเชื้อในช่องปากอย่างรุนแรงทำให้ฟันได้รับความเสียหายจนต้องรับการรักษาโดยทันตแพทย์ ซึ่งก่อนการเข้าตรวจค้นทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งสายลับเข้าทำการนัดหมายเพื่อดัดฟันแฟชั่น ซึ่งทางร้านได้นัดหมายให้เข้าทำฟันในวันนี้ที่เป็นขั้นตอนแรกในการดัดฟันแฟชั่นโดยมีการกระทำในช่องปากแล้ว จึงถือว่าผิดกฎหมายแล้วตามพระราชบัญญัติวิชาชีพทันตกรรมพุทธศักราช 2537
โดยจากการการตรวจค้นพบนางสาวรุ่งรัตน์ จันทรังษี อายุ 37 ปี รับว่าเป็นผู้ดูแลและทำการจัดฟันให้กับลูกค้าที่ร้านดังกล่าว โดยสารภาพว่าเปิดรับจัดฟันแฟชั่นมาประมาณ 3-4 ปี แล้ว ด้วยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางเฟซบุ๊ค และติดต่อนัดหมายกับลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นให้เข้ามารับการจัดฟัน เสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 2,000 บาท ซึ่งจากการตรวจค้นพบอุปกรณ์ วัสดุ และเครื่องมือทำฟัน โดยเฉพาะอุปกรณ์ดัดฟันแฟชั่นจำนวนมากและบัญรายชื่อลูกที่นัดหมายอยู่ภายในร้าน จึงได้ทำการตรวจยึด พร้อมนำตัวนางสาวรุ่งรัตน์ ซึ่งเป็นอดีตพยาบาล ส่งสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก
เบื้องต้นพบว่ามีความตามพระราชบัญญัติวิชาชีพทันตกรรม พ.ศ.2537 มาตรา28 ห้ามผู้ใดซึ่งมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมทำการประกอบวิชาชีพทันตกรรมหรือแสดงด้วยวิธีใดๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพดังกล่าว
โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 16 “ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบกิจการสถานพยาบาล เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 1/2561 เรื่อง ห้ามขายสินค้าอุปกรณ์จัดฟันแฟชั่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายชาตรี พินใย นิติกรชำนาญการพิเศษ กองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และร้อยตำรวจเอกณัฐพัชร์ นิติภักดิ์ รองสารวัตรชุดวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า การเข้าตรวจค้นและดำเนินการตามกฎหมายกับคลินิครับจัดฟันเถื่อนหรือรับจัดฟันแฟชั่นในครั้งนี้ เนื่องจากได้รับการ้องเรียนแจ้งเบาะแสจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากลูกเข้ารับการจัดฟันแฟชั่นที่ร้านดังกล่าวและติดเชื้อในช่องปาก เพราะผู้ที่จัดฟันให้ไม่ได้เป็นทันตแพทย์ จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
จากการสืบสวนทราบว่าร้านดังกล่าวนี้เปิดมาหลายปีแล้ว โดยโฆษณาหาลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นผ่านทางเฟซบุ๊คและนัดหมายให้เข้าทำการจัดฟันที่ร้านดังกล่าว เสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 2,000 บาท ซึ่งมีลูกค้าเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอหมายศาลเข้าทำการตรวจค้นจับกุมได้ในครั้งนี้ พร้อมขอแจ้งเตือนว่าการทำการติดเหล็กดัดฟัน โดยเฉพาะการติดเหล็กดัดฟันในลักษณะที่เป็นแฟชั่นกับสถานทันตกรรมที่ไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่ได้ทำโดยทันตแพทย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ มีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ปลอดภัย เนื่องจากอาจจะเกิดการติดเชื้อในช่องปากจนเกิดอันตรายอย่างร้ายแรง จากการที่เครื่องมืออุปกรณ์ที่ไม่สะอาดหรือไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งผู้ที่ทำการรักษาไม่ได้เป็นผู้มีความรู้และชำนาญการ ดังนั้นจึงอยากเตือนประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเด็กวัยรุ่นให้ระวังในเรื่องนี้ด้วย.