
ตำรวจภาค 5 แถลงผลการทลายเครือข่ายโจรกรรมรถส่งขายข้ามชาติ สารพัดวิธีทั้งหลอดดาวน์รถใหม่ป้ายแดง เช่ารถแล้วเชิด และรับจำนำ ส่วนคนร้ายมีกลยุทธ์ปลอมตัวถึงขั้นสวมวิกแปลงโฉมอำพราง ยึดของกลางรถยนต์ 8 คัน จยย.1 คัน เงินสดกว่า 1.2 ล้านพร้อมอุปกรณ์เพียบ หนึ่งในเจ้าของรถที่ได้คืนถึงกับประกาศเลิกทำรถเช่าหลังคันเดียวกันถูกโจรกรรม 2 ครั้งแต่โชคดีได้คืนทั้ง 2 ครั้งย้ำเตือนผู้ประกอบการระวังให้หนัก
ที่กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผู้บังคับการสืบสวนภาค 5 แถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายโจรกรรมรถส่งขายข้ามประเทศ รายใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ ได้ผู้ต้องหา 4 คน 1. นายศุภวิชญ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.สันป่าตอง จว.เชียงใหม่ (จับกุมตัว ได้ในที่เกิดเหตุ) 2. นายสุมิตร (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ (จับกุมตัวได้ในที่เกิดเหตุ) 3. น.ส.ปวีณาฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.ทาสบเส้า อ.แม่ทา จ.ลำพูน (ขยาย ผลออกหมายจับและจับกุมตัวได้) และ 4. น.ส.ตวงพรฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.มะเขือแจ้ อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน (ขยายผลออกหมายจับและจับกุมตัวได้) img src=”https://sv1.picz.in.th/images/2023/01/31/L9J2j1.jpg” alt=”L9J2j1.jpg” border=”0″>
พร้อมของกลางรถยนต์ 8 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน เงินสด 1.295,000 บาท อุปกร์ จีพีเอส บัญชีธนาคาร ทะเบียนรถ บัตรประชาชน และใบขับขี่ เอกสารที่ปลอมแปลง วิกผม 5 ชุด ซึ่งหนึ่งในรถของกลางคือ รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีน้ำตาล ทะเบียน 5 กย 9016 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถคันแรกที่ได้รับแจ้งว่าสูญหายจนได้ร่วมกับผู้เสียหายกับทางตำรวจสืบสวนภาค 5 ติดตามจนได้รถคันดังกล่าวคืนนก่อนที่จะมีขยายผลจับเครือข่ายนี้ได้ และตรวจยึดรถของกลางเพิ่มดังกล่าว อีกครั้งยังพบว่าเครือข่ายนี้ส่งรถออกไปขายนอกประเทศแล้วจำนวน 11 คันที่ยังต้องรอประสานประเทศเพื่อนบ้านในการติดตามต่อไป
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 14.00 น. ได้มีคนร้ายเป็นผู้หญิง แสดงชื่อและบัตร ประชาชนและใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ชื่อ นางสาวปวีณา ธารทอง (ภายหลังทราบว่าเป็นบัตรปลอม) ในการทำสัญญาเช่า รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีน้ำตาล ทะเบียน 5กย-9016 กทม. ที่บริเวณโรงแรมบีทู สาขามหิดล กับผู้เสียหาย ซึ่งทำธุรกิจรถเช่า(เป็นธุรกิจแบบครัวเรือน) หลังจากส่งมอบรถ ตรวจสอบพบว่า รถยนต์ที่ให้เช่าคันดังกล่าวถูกตัดสัญญาณ GPS ติดตาม จึงได้โทรศัพท์ไปทวงถาม แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยง ผู้เสียหายจึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พงส.สภ.แม่ปิง
ต่อมาในวันที่ 14 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 11.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.ภ.5 ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ , เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ริม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่แตง สามารถ จับกุมตัว นายศุภวิชญ์ฯ พร้อมกับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีน้ำตาล ทะเบียน 5กย-9016 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ที่ถูกเช่าไปดังกล่าว ที่บริเวณบนถนนสายเรียบคันคลองชลประทาน ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ และจากการ ขยายผล ณ ที่เกิดเหตุ สามารถจับกุมตัว นายสุมิตรฯ พร้อมรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน 6กส-9804 กรุงเทพมหานคร ได้ที่ลานจอดรถสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ปตท.สาขาแม่มาลัย ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมยึดรถยนต์ของกลาง ส่ง พงส.สภ.แม่ปิง จว.เชียงใหม่ ดำเนินคดีใน ความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร” จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
และจากการสืบสวนขยายผลกลุ่มขบวนการ สามารถขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ ออกหมายจับ น.ส.ปวีณาฯ และ น.ส.ตวงพรฯ บุคคลผู้มาทำธุรกรรมการเช่ารถ , แสดงบัตรประชนชนและใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ปลอม และเป็นผู้ถอดอุปกรณ์ GPS รถคันดังกล่าว กระทั่งในวันที่ 20 มกราคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด กก.สส.3ฯ สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาหญิงทั้งสองคน ได้ นอกจานี้แล้วยังได้มีการปลอมตัวโดยใช้วิกผม และการแต่งหน้าเพื่ออำพรางให้เหมือนกับรูปในบัตรประชาชนของผู้อื่นที่ได้นำมาปลอมเป็นเอกสารของตนเอง และยังเป็นการหลบเลี่ยงการติดตามตัวด้วย
และในคดีนี้ ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลกลุ่มขบวนการเพิ่มเติม เพื่อเอาผิดกลุ่มนายทุน ทั้งที่อยู่ภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร รวมถึงผู้ร่วมขบวนการที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามลำดับ ทั้งนี้ได้ร่วมกันทำการ ตรวจ ยึดรถยนต์ จำนวน 8 คัน และ รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน เพื่อตรวจสอบและหาความเชื่อมโยงในการกระทำความผิด
รูปแบบในการจัดหารถ ของแก๊งค์นำรถยนต์ส่งออกข้ามแดน
1. เช่าแล้วเชิด – คนร้ายจะทำการเช่ารถตามร้านเช่า มีทั้งที่แสดงตัวตนตามบัตรประชาชนจริง และ ปลอมแปลงเอกสารฯ เพื่ออำพรางตัวตน จากนั้นตัดสัญญาณ GPS แล้วนำรถไปขายต่อ
2. จ้างให้ไปเช่าซื้อรถ – คนร้ายจะจ้างวานให้บุคคลที่มีศักยภาพทางการเงิน ไปกู้ซื้อรถจากโชว์รูม / เต้นท์รถ โดยบุคคลนั้นยินยอมรับค่าจ้างเป็นเงินสดไว้ใช้ แลกกับการขาดทุนจากการผ่อนชำระค่างวดรถรายเดือน จากนั้นจะนำรถออกจำหน่ายข้ามแดน
3. รถหลุดจำนำ – คนร้ายจะนำรถที่มีบุคคลนำมาจำนำไว้ ซึ่งอาจผิดนัดชำระเงินต้น และ/หรือ ดอกเบี้ย ไปจำหน่ายในราคาถูก อีกทอดหนึ่ง
ซึ่งทางตำรวจได้ฝากย้ำ ประชาสัมพันธ์/เตือนภัย จาก สำหรับผู้ประกอบการทั้งรถเช่า บริษัทจำหน่ายรถยนต์ รวมทั้งผู้ที่นำรถไปจำจำนอกระบบ
1. ตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนว่าเป็นของจริงหรือไม่ ภาพในบัตรประจำตัวประชาชนตรงกับผู้มา เช่าหรือไม่ มีการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนหรือไม่
2. เมื่อเช่ารถเสร็จแล้วก่อนส่งมอบรถควรถ่ายภาพผู้มาเช่าคู่กับรถ และให้ผู้เช่า ถอดแมส แว่นตากันแดด หมวกให้เรียบร้อยก่อนส่งมอบรถ
3. กลุ่มคนร้ายในเคสนี้หลังจากเช่ารถแล้วจะมีการตัดสัญญาณ GPS เพื่อไม่ให้ทราบพิกัดของรถว่าอยู่ที่ใด ควรหามาตรการการป้องกันและแก้ไข
4. การดาวน์ ลักษณะดังกล่าวผู้ที่รับจ้างการดาวน์รถแล้ว จะขายให้นายทุนเป็นเงินก้อนในราคาที่ต่ำกว่า ราคาจริง ขอแจ้งเตือนผู้รับจ้างดาวน์ว่าในการขายในราคาถูกจะทำให้ผู้รับจ้างดาวน์จ่ายเงิน(ผ่อน) รถในราคาปกติและถ้า หากไม่จ่ายเงินตามระยะเวลาที่กำหนดอาจจะถูกไฟแนนซ์ฟ้องร้องเป็นคดีได้ และอาจมีการใช้รถยนต์ในการจ้างดาวน์ไปใช้ ในการกระทำความผิด เช่น ลักลอบขนยาเสพติด ลักลอบนำรถข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย ซึ่งผู้รับจ้างดาวน์จะต้องโดน ดำเนินคดีด้วยเนื่องจากเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด
5. การรับจำนำรถ รถที่นำมาจำนำผู้รับจำนำไม่ทราบที่มาของรถ ประวัติของรถ ซึ่งอาจเป็นรถที่ใช้การทำ ความผิดมา แล้วนำมาจับนำ ผู้รับจำนำอาจโดนำเนินคดีในความผิดฐาน ลักทรัพย์ ยักยอก หรือรับของโจร ได้
ขณะเดียวกันหลังจากที่แถลงข่าวทางเจ้าของรถฟอร์จูนเนอร์ ต้นเรื่องที่ได้รับรถคืนจากคดีนี้ได้นำกระเช้าผลไม้มาขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยเหลือจนสามารถนำรถคืนมาได้รวมทั้งขยายผลทะลายเครือข่ายโจรกรรมรถครั้งนี้ลงได้ ซึ่งทาง นายกิตติชัย สวนมะพับ อายุ 44 ปีเจ้าของรถเล่าว่าตนเองเป็นเจ้าของรถในช่วงที่ไม่ได้ใช้งาน จะนำรถมาให้คนทั่วไปโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเชียงใหม่เช่าเพื่อท่องเที่ยว และล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมาได้มีคนติดต่อทางทางไลน์ เพื่อขอเช่ารถเพื่อไปท่องเที่ยวในเชียงใหม่ และได้นำรถมาส่งที่โรงแรมแห่งหนึ่ง โดยตัวเองก็ยอมรับว่าประมาทที่ไม่ได้ตรวจสอบเอกสารว่าเป็นของจริงหรือของปลอม แต่ในรถของตนเองจะมีระบบจีพีเอส 2 ชุด หลังจากที่คนร้ายเช่าไปวันแรกก็พบว่าจีพีเอส 2 ชุดไม่ตรงกัน จุดหนึ่งไปอยู่ที่ม่อนแจ่ม อีกจุดหนึ่งไปอยู่ที่ตัวเมือง จึงเชื่อว่ารถจะถูกโจรกรรมแน่จึงได้แจ้งความกับตำรวจก่อนที่จะประสานกันออกติดตาม โดยได้ติดตาม จีพีเอสผ่านแอพมือถือที่ลงไว้พบการเคื่อนไหวในตัวเมืองจึงได้ออกติดตามจนเจอรถของตัวเองและได้ขับตามพร้อมกับประสานกับตำรวจจนสามารถร่วมกันจับกุมได้ก่อนที่จะมีการขยายผลดังกล่าวพบว่าเป็นเครือข่ายใหญ่ ตนเองรู้สึกดีใจและโชคดีที่ไหวตัวได้ทันท่วงที และมีจีพีเอสสองชุดซึ่งกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจุดที่ซ่อน จึงสามารถติดตามรถคืนมาได้ บอกว่าก่อนหน้านี้เมื่อปีก่อนรถคันนี้ก็เคยถูกโจรกรรมในลักษณะนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่สามารถติดตามคืนได้ที่ชายแดนฝั่งจังหวัดเชียงรายก่อนที่จะถูกขายข้ามประเทศไป มาครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่เจอต่อไปนี้เลยของเลิกแล้วกับการนำรถมาให้เช่า เพราะครั้งแต่ไปอาจจะไม่โชคดีเหมือน 2 ครั้งนี้ และฝากย้ำเตือนผู้ที่นำรถมาให้เช่าแบบเดียวกับตนเองให้ตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้อง จีพีเอส ให้ติดไว้หลายจุด และซ่อนไว้ให้ดีด้วย เพราะเชื่อว่ามีขบวนการโจรกรรมรถลักษณะนี้อยู่เป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่