เชียงใหม่ – เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ตั้งโต๊ะทวงถามความคืบหน้ารื้อถอน “บ้านป่าแหว่ง” ของศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชียงใหม่ หลังพบผ่านมาเกือบ 4 ปี ทุกอย่างยังนิ่งสนิท บ้านพัก 45 หลังและอาคารชุด 9 หลัง อยู่ครบ แถมมีคนเข้าพักอาศัยเพิ่ม โดยทางธนารักษ์ ไม่ยอมรับคืนพื้นที่ อ้างไม่มีกฎหมายรองรับในส่วนของครุภัณฑ์ ตั้งข้อสงสัยมีความพยายามจะดึงเรื่องให้ยืดเยื้อและต้องการใช้ประโยชน์ต่อไป เตรียมจัดเคลื่อนไหวใหญ่และฟ้องร้องตามกฎหมาย
8cf5cf1a2e97b4963495e955e100dc72.jpg

วันนี้(21 มี.ค.65) ที่โรงเรียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ นำโดยนายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่าย พร้อมด้วยนายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ,นายบัณรส บัวคลี่ ,นางปลายอ้อ ทองสวัสดิ์ และสมาชิกเครือข่าย ร่วมกันแถลงข่าวแสดงจุดยืนและทวงถามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาโครงการบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่ประกอบด้วยบ้านพัก 45 หลังและอาคารชุด 9 หลัง บนพื้นที่ราชพัสดุ 147 ไร่ เชิงดอยสุเทพ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะการส่งมอบคืนพื้นที่ให้กับกรมธนารักษ์ และการฟื้นฟูสภาพป่า
a2ec5f7f19b545390dbc62d8154d8b70.jpg

ทั้งนี้เนื่องจากผ่านมาเกือบ 4ปีแล้ว นับตั้งแต่ปี 2561 ที่ทางราชการมีข้อตกลงร่วมกับเครือข่ายฯและประชาชน ที่จะดำเนินการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างและส่งมอบคืนพื้นที่เพื่อฟื้นฟูสภาพป่า แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น ขณะที่การย้ายศาลอุทธรณ์ภาค 5 พร้อมบ้านพักที่ย้ายไปจังหวัดเชียงราย โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2562 และกำหนดเสร็จ ก.ย.65 นั้น ถึงปัจจุบันเพิ่งคืบหน้าไปเพียง10-20% เท่านั้น จึงทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีผู้ที่มีเจตนาจะทำให้ปัญหายืดเยื้อและต้องการใช้ประโยชน์บ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 รวมทั้งพื้นที่ราชพัสดุ ในตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ต่อไปหรือไม่
8c135be8f6ae2b7de4207bebdef0ad1d.jpg

โดยนายธีระศักดิ์ เปิดเผยว่า ผ่านมานานเกือบ 4 ปีแล้วที่การแก้ไขปัญหาโครงการบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 หรือ “บ้านป่าแหว่ง” ไม่มีความคืบหน้า ทั้งๆ ที่ทางราชการมีการทำข้อตกลงร่วมกันตั้งแต่ ส.ค.61 ว่า ต้องทำการรื้อถอนบ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง ออกไปเพื่อทำการฟื้นฟูสภาพป่าให้สมบูรณ์ดังเดิม ซึ่ง ก.ย.63 ประธานศาลฎีกา ให้สัมภาษณ์ว่าส่งมอบคืนพื้นที่ให้กรมธนารักษ์แล้ว ขณะที่ช่วงปลายปี 63 ทางธนารักษ์ กลับระบุว่าไม่สามารถรับมอบอาคารและพื้นที่ได้ โดยอ้างไม่มีกฎหมายรับรองที่จะรับมอบครุภัณฑ์ในบ้านพัก เช่นแอร์ ทีวี เฟอร์นิเจอร์ และธนารักษ์ไม่อยากเข้าไปรับผิดชอบตัวอาคารและทรัพย์สิน ต่อมากลางปี64 ทางศาลส่งเรื่องให้กรมบัญชีกลาง และได้รับแจ้งว่าให้มอบอาคารพร้อมครุภัณฑ์ในบ้านพักได้ แต่ต้นปี 65 ทางธนารักษ์ ยังไม่รับมอบและส่งให้ฝ่ายกฎหมายหาทางออก
ea452680a51b4e54be3043fb2e963d58.jpg
a849a7c46f362e639580f01c67ed6fc6.jpg
ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ระบุว่า ปัจจุบันพบว่าบ้านพักทั้ง 45 หลังและอาคารชุด 9 หลัง ยังไม่มีการรื้อถอน รวมทั้งพบว่าตลอดช่วงที่ผ่านมายังมีการส่งคนงานเข้าไปตัดหญ้าในบริเวณบ้านพัก และน่าจะมีผู้เข้าพักอาศัยในอาคารชุดเป็นรายใหม่เพิ่มเติมนอกเหนือที่ตกลงร่วมกันให้อยู่อาศัยเฉพาะรายเดิมระหว่างรอย้ายไปเชียงราย อีกทั้งในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมายัง่พบว่าในช่วงกลางคืนมีการเปิดไฟในพื้นที่บ้านพัก 45 หลัง จึงตั้งข้อสงสัยว่าทางฝ่ายราชการหรือทางจังหวัดเชียงใหม่ มีความคิดที่จะเอาบ้านพักไปใช้ประโยชน์หรือไม่ อย่างไร จึงปล่อยให้การดำเนินการรื้อถอนส่งมอบคืนพื้นที่ไม่คืบหน้าและไม่ยอมทำตามมติที่เคยสรุปว่าให้รื้อย้ายออกไป โดยที่ฝ่ายราชการได้งบประมาณปลูกป่าในพื้นที่นี้แล้ว 9 ล้านบาท แต่ก็ไม่มีการดำเนินการ
dc03c16ec192d185f90140a14a6896fa.jpg
นอกจากนี้นายธีระศักดิ์ เปิดเผยด้วยว่า โครงการย้ายศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไปอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งได้งบประมาณ 737 ล้านบาท ที่เริ่มสร้างตั้งแต่ 24 ต.ค.62 และกำหนดเสร็จ 7 ก.ย. 65 ถึงทุกวันนี้ผ่านมาเกือบ 3 ปีแล้ว แต่การก่อสร้างแทบไม่มีความคืบหน้าและตามข่าวทราบว่าผู้รับเหมาทิ้งงานไปแล้ว จึงยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความพยายามที่ต้องการจะใช้ประโยชน์พื้นที่และบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ต่อไปหรือไม่ ขณะที่ทางเครือข่ายฯ พร้อมประชาชนชาวเชียงใหม่ ประสงค์จะเข้าพื้นที่เพื่อปลูกป่า ให้ทันก่อนฤดูฝนนี้ แต่ทางศาลยังปิดกั้นทางเข้าออก ไม่อนุญาตให้ใครเข้าพื้นที่และมี รปภ.หนาแน่น ทั้งนี้ในวันที่ 29 เม.ย.65 จะครบรอบ 4 ปี การชุมนุมใหญ่ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ จึงต้องการเน้นย้ำจุดยืนขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ และเรียกร้องให้มีการดำเนินรื้อถอน “บ้านป่าแหว่ง” ออกไป พร้อมส่งมอบคืนพื้นที่ตามที่ตกลงไว้กับประชาชน เพื่อลบบาดแผลในใจของชาวเชียงใหม่ โดยหากยังไม่มีความชัดเจนและดำเนินใดๆ ทางเครือข่ายฯ เตรียมที่จะเคลื่อนไหวใหญ่ รวมทั้งดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายด้วย
498e6293fdc65fd0c6726e5d44808f64.jpg
ce6dd9bc51c2ba945bdc34e1af4e43d2.jpg
d209b244e3fe541ee50d7ee89d70f00b.jpg
2232324a42686a97e3c6eff6b99ee9d6.jpg
78250e4f087c288123df41bd10d296ea.jpg
5bf12c90b302554d8fade9c2019ea4e2.jpg