
กลุ่มผู้เสียหายที่ดินทิพย์ ที่ถูกหลอก 12 โครงการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน รวมตัวเข้าร้องผู้บัญชาการตำรวจภาค 5 ,ผู้การเชียงใหม่ พบมีทั้งคนไทย และต่างด้าวชาวพม่า และไทใหญ่ตกเป็นเหยื่อนับ 1,000 ราย มูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท ขอเวลาไม่เกิน 15 วันจะจับกุมนำตัวมาดำเนินคดีพบก่อนหน้านี้มีนายหน้าทำคลิปขายที่หลอกว่าต่างด้าวสามารถซื้อที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ได้ด้วยพร้อมล่อใจด้วยแคมเปญ ซอยแบ่งที่แปลงเล็ก 50-100 ตารางวาขายแปลงละ 3 แสน 6 แสน ที่สำคัญผ่อนตรงกับโครงการไม่มีดอกเบี้ย
จากกรณีที่”เจ้เปิ้ล” นางพิชามญชุ์ กับสามีได้จัดสรรที่ดินในราคาถูกทั้งเงินสดและเงินผ่อนรายเดือนระยะยาว ในพื้นที่ อ.สารภี,แม่ริม,สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และพื้นที่ อ.เมืองลำพูน มีการขึ้นป้ายโฆษณา และทางสื่อออนไลน์ ปรากฎว่ามีผู้หลงเชื่อไปซื้อทั้งระบบผ่อนส่งรายเดือน ไม่เสียดอกเบี้ยนานถึง 4 ปี เมื่อผ่อนส่งได้ 3 เดือนสามารถปลูกสร้างที่อยู่อาศัยได้ และซื้อเงินสด หลังจากนั้น เมื่อครบตามสัญญากลับโอนที่ดินไม่ได้ เมื่อสอบถามก็บ่ายเบี่ยง ส่วนเจ้าของที่ดินเดิมได้เข้ายึดที่ดินจากเจ้าของโครงการคืนทั้งหมด
จนตอนนี้มีผู้เสียหายจาก 12 โครงการที่”เจ้เปิ้ล” นางพิชามญชุ์ กับสามี เปิดโครงการไว้ ในจำนวนนนี้ตอนนี้ได้รวมรวมข้อมูลมได้แล้ว 11 โครงการด้วยกัน มีผู้เสียหายเบื้องต้นที่รวมรวายชื่อแจ้งความแล้วประมาณ 500 ราย และยังไม่ได้แจ้ความอีกประมาณ 200 ราย ซึ่งเป็นทั้งชาวไทย และคนต่างด้าวชาวเมียนมาร์ และไทใหญ่ ที่ตกเป็นเหยื่อรวมมูลค่าตอนี้น่าจะถึง 200 ล้านบาทแล้ว
ความคืบหน้าในวันนี้วันที่ 12 มิ ย 66 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ทางกลุมผู้เสียหายซึ่วมีทั้งชาวไทย และคนต่างด้าว จำนวนกว่า 200 ราย มาร้องต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช ภ 5 และผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ พล.ต ต ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย ผบก ภ จ เชียงใหม่ ในเวลา 10.00 น. เพื่อขอความเป็นธรรม และให้ตำรวจช่วยเร่งรัดดำเนินคดีให้เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก และมูลค่าความเสียหายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
นายนัตถ์ธนินทร์ หรือ”ต้น” สินเพ็ญ อายุ 51 ปีชาวจ.อยุธยา 1 ในผู้เสียหาย ซึ่งตอนนี้เป็นแกนนำกลุ่มผู้เสียหายได้เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อหลายราย ที่ตนมีเอกสารในตอนนี้มากกว่า 500-600 ราย และน่าจะมีเพิ่มมากขึ้นไปอีก มูลค่าน่าจะประมาณ 100-200 ล้านบาท เลยทีเดียว ขบวนการพวกนี้ทำในรูปแบบพื้นที่จัดสรร คือรวบโฉนดมา แล้วนำมาทำเป็นแปลง มาทำเป็นล๊อค ๆ คือมีเจตนามาโกงโดยตรง เรื่องนี้ผู้เสียหายได้มีการไปแจ้งความกล่าวโทษไว้แล้วหลายท้องที่ และยังมีที่กองปราบที่กรุงเทพด้วย และมีการขออนุมัติหมายจับแล้วหลายท้องที่ คนร้ายรายนี้ แต่ก็ยังจับกุมตัวไม่ได้ และยังมีผู้ร่วมขบวนการก็คือเซลล์ ที่มาหลอกขายที่ดินให้กับชาวบ้าน แล้วปรากฏว่าที่ดินดังกล่าวไม่มีจริง ทางผู้เสียหายเช็คไปยังที่ดินไปยังการจัดทะเบียนบริษัททุกอย่าง ปรากฏว่า ไม่มีการดำเนินการอะไรทั้งสิ้น เป็น “ทิพย์” หมด สองผัวเมียคู่นี้สร้างเรื่องราวขึ้นมาหลอกชาวบ้าน โดยเฉพาะชาวไทยใหญ่ โดนหลอกมากที่สุด พวกไทยใหญ่นั้นไม่สามารถครอบครองที่ดินได้ แต่มาถูกพวกนี้หลอกก็เชื่อและเสียเงินเสียทองดังกล่าว รองลงมาก็พวกมีรายได้น้อย อยากมีที่อยู่ พวกนี้ลงทุนด้วยการขึ้นป้ายตามจุดชุมชนต่าง ๆ รวมทั้งลงโฆษณาชวนเชื่อในโซเซียล ชักชวนให้มาซื้อที่ดินราคาถูก มีการแบ่งซอยที่ดินให้แปลงเล็กลงโดยที่ดิน 50 ตารางวาขายในราคา 2.9 แสน บาท ส่วน 100 ตารางวาก็ขายไม่ถึง 6 แสนบาท อีกครั้งมีการเปิดให้ผ่อนตรงกับโครงการโดยไม่เสียดอกเบี้ย ในระยะเวลา 3-4 ปีเท่านั้นก็สาารถโอนเป็นเจ้าของได้ การเดินทางมาครั้งนี้ของผู้เสียหาย ก็คือมาแจ้งความเพิ่มและสอบถามความคืบหน้าของคดี
ทางด้านคุณป้า ซึ่งเกษียณ อายุแล้วและตกเป็ฯเหยื่อได้เปิดเผยว่า เราก็คิดว่าเราจะไม่มาซื้อตรงนี้แต่พอมาเห็นสถานที่ เราไปเห็นรูปแบบการเสนอขายของพวกเขา เขาก็มีโฉนดที่ดินให้เราดู มีการจัดสรรตรงนี้ตรงนั้น การจัดผังแปลงต่างๆ อย่างมีระบบ และสาธารณูปโภค ที่เขาจะมีให้กับเรา ทำให้เราเกิดความมั่นใจว่า เขาไม่โกงเรา เป็นที่ดินที่ถูกต้องตามกฏหมาย ทำให้เราเกิดความมั่นใจเราสามารถซ์้อที่ดินแปลงนี้ไว้ได้ตอนที่เราเกษียณ ยามแก่ชรา ก็จะมีบ้านสักหลังหนึ่งตรงนี้ ตนนั้นมีพี่น้องด้วยกัน 3 คน ก็ได้ชักชวนกันมาซื้อที่ดินดังกล่าวไว้ยามเกษียณ ชรา มาอยู่ด้วยกัน 3 คนพี่น้องตอนแก่ แต่ก็ต้องมาผิดหวัง เราซื้อทั้งหมด 4 แปลงด้วยกันา ในวงเงินเกือบล้าน หากผ่อนเสร็จก็ล้านกว่า เราได้ผ่อนไป 5 เดือน ก็เห็นความผิดปกติ ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่ที่ดินมารางวัดที่ดินให้กับผู้ซ์้อที่ดินตรงนี้ ,สถานที่ก็รกร้างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทางด้านสาวชาวไทยใหญ่ ที่ถูกหลอกมาซื้อที่ดิน ได้เปิดเผยว่า ตนหลงเชื่อและมาขอซื้อที่ดินจำนวน 50 ตารางวา เสียเงินเบื้องต้นไปแสนสามหมื่นบาท ตอนนี้รู้ว่าถูกหลอก แต่ก็ไม่สามารถแจ้งความได้เพราะเป็นชาวไทยใหญ่ มีเพื่อนที่เป็นกลุ่มไทยใหญ่ ที่หลงเชื่อว่าซื้อที่ดินได้ ถูกหลอกเยอะมาก พวกนี้จะหลอกพวกตนว่า ไทยใหญ่ก็ซื้อได้ แต่ต้องมีลูกเกิดในไทยเมื่อลูกอายุ 20 ปี ก็สามารถครอบครองที่ดินได้ เพราะลูกเกิดในไทยก็เป็นคนไทย ตนก็คิดว่าผ่อนเสร็จลูกก็อายุ 20 ปี พอดี ก็เลยหลงเชื่อ ก็เลยตัดสินใจซ์้อ ก็มีมชาวไทยใหญ่หลายคนถูกหลอกในลักษณะแบบนี้ สำหรับตนนั้นเดือดร้อนมากเพราะเงินที่เสียไปไปยืมญาติพี่น้องมา เพราะหวังว่าจะได้มีที่ดินมีที่อยู่ ให้กับตนและลูก
ต่อมา พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช ภ 5 พล.ต.ต.วีระชน บุญทวี รอง ผบช ภ 5 พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย ผบก ภ จ เชียงใหม่ ได้ลงมารับเรื่องจากผู้เสียหายที่มาร้องขอความเป็นธรรมและแจ้งความเพิ่ม รวมทั้งสอบถามความคืบหน้าของคดี โดย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช ภ 5 ได้เปิดเผยว่า ตอนนี้จะรวบรวมคดีของผู้เสียหายทั้งหมดที่กระจัดกระจายแจ้งความแต่ละท้องที่ ให้รวมมาเป็นคดีเดียวกัน ก็ต้องมีการประชุมปรึกษาหารือกันอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากการกระทำผิดมีลักษณะเดียวกัน และกลุ่มผู้ต้องหาก็เป็นกลุ่มเดียวกัน คดีนี้ได้มีการกล่าวทุกข์ร้องโทษกับสองสามีภรรยาแล้ว และยังพบว่ามีกลุ่มเซลล์ ที่เข้าข่ายมีพฤติการณ์หลอกลวงด้วยเช่นกัน ก็คงมีการกล่าวโทษก้บเซลล์กลุ่มนี้ด้วย ตนได้สั่งการให้ ทาง รอง ผบช ภ 5 และ ผู้การเชียงใหม่ ให้จัดตั้งกองอำนวยการสอบสวน จัดคิว เพื่อที่จะให้สอบปากคำผู้เสียหายได้มากขึ้นเร็วขึ้น คาดว่าไม่เกิน 15 วัน ผู้เสียหายอีกประมาณ 200 คน เราจะสอบปากคำให้เสร็จสิ้น เบื้องต้นได้อายัดบัญชีสองสามมีภรรยาไว้แล้วที่ธนาคาร
ส่วนกรณีที่พวกเซลล์ ขายที่ดินที่มีการแตกกลุ่มไปสร้างโครงการทิพย์ เพิ่มอีกเพื่อหลอกลวงประชาชนนั้น ตนได้สั่งการให้กองสืบของกองบังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ไปสืบหาพยานหลักฐานข้อมูล หากพบมีการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดีกันไปตามกฏหมายกับกลุ่มบุคคลกลุ่มเซลล์พวกนี้อีกคดีหนึ่ง