
ชาวเชียงใหม่งง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทำการปิดถนนพระปกเกล้าระยะทางประมาณ 400 เมตร มีการตั้งแผงแบ่งล็อคกลางถนนขายสินค้าเหมือนถนนคนเดิน ทั้งๆ ที่เป็นวันธรรมดา ไม่มีการจัดกิจกรรมหรืองานประเพณีใดๆ สอบถามชาวบ้านมีการอ้างตัวแทน 13 ชุมชนเมืองขอเปิดเป็นถนนคนเดินวันจันทร์ และวันศุกร์ ทดลอง 2 เดือน แต่ชาวบ้านผู้ใช้เส้นทางสัญจรเดือดร้อน โดยเฉพาะชุมชนสองฝั่งถนน ร้านค้าร้านอาหาร โรงแรมที่พัก วัดและโรงเรียนเริ่มเคลื่อนไหวคัดค้านทั้งๆ ที่ทุกวันอาทิตย์ก็มีการปิดถนนทำถนนคนเดินประจำอยู่แล้ว
ขณะนี้ชาวเชียงใหม่ ผู้ใช้รถใช้ถนนสัญจรบนเส้นทางถนนพระปกเกล้า ซึ่งเป็นถนนที่ตัดผ่านใจกลางเมืองเชียงใหม่ เรียกได้ว่าเป็นถนนสายหลักกลางเมืองเชียงใหม่ พบว่าในทุกวันจันทร์ และวันศุกร์ มีการปิดถนน 1 ช่องจราจรระหว่างแยกกลางเวียงไปถึงแยกโรงเรียนพุทธิโศภณ เป็นระยะทางประมาณ 3-400 เมตร ฝั่งวัดเจดีย์หลวงวรวิหารและวัดพันเตา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรนำแผงเหล็กมากั้นตั้งแต่หัวถึงท้ายถนน ปิดการจราจรไป 1 ช่องทางในฝั่งดังเกล่าว ที่สำคัญมีการเปิดให้ตั้งแผงจำหน่ายสินค้า ซึ่งเป็นสินค้า และกลุ่มผู้ค้าเดียวกันกับที่มาจำหน่ายในถนนคนเดินวันอาทิตย์ ที่มีการปิดถนนในช่วงดังกล่าวรวมทั้งเส้นหลังคือถนนราชดำเนิน และถนนอินทวโรรส ซึ่งเป็นพื้นที่หลักที่มีการดำเนินการมานับสิบปีแล้ว
ทั้งนี้จากการแบ่งล็อคจำหน่ายสินค้าดังกล่าว โดยให้แผงขายสินค้าตั้งอยู่บนผิวจราจรไป 1 ช่องทาง และเปิดพื้นที่ฟุตบาทให้คนเดิน โดยไม่ได้มีการจัดกิจกรรม หรืองานประเพณีใดๆทั้งสิ้น เป็นเพียงการปิดถนนให้กลุ่มผู้ค้ามาขายสินค้าทั้งเสื้อผ้า งานศิลปะ ของฝากของที่ระลึกอาหารการกินไปจนถึงผลไม้อย่างทุเรียน
ซึ่งพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับทราบว่าการปิดถนนดังกลาวเพื่อจัดงานอะไรหรือเปิดเพื่อกิจกรรมใดๆ สร้างความลำบากให้กับผู้ที่ใช้เส้นทางดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าทุกวันอาทิตย์จะใช้เส้นทางนี้ไม่ได้ แต่ช่วงเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมาทุกวันจันทร์ และวันศุกร์ จะมีการปิดถนนตั้งแต่เวลา 17.00 น.ไปจนถึงช่วงกลางดึกประมาณ 23.00น เพื่อขายสินค้าดังกล่าว การจราจรเส้นทางดังกล่าวก็จะทำได้ช่องทางเดียว แต่พบว่ามีการฝ่าฝืนขับสวนมาในบางช่วงก็จะเกิดการติดขัด การเดินทางเพื่อไปยังสถานที่ตั้งในช่วงที่ปิดการจราจรก็ต้องใช้วิธีวนอ้อมเส้นทางอื่นเพื่อให้รถกลับมาเข้าช่วงหัวถนนจากแยกกลางเวียงเหมือนลักษณะวันเวย์ได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่ผู้ใช้เส้นทางสัญจรเกินความลำบากและไม่เป็นด้วยที่จะให้มีการปิดถนนในวันธรรมดาเพิ่มเติมจากวันอาทิตย์แล้วประชาชนชุมชนเมืองที่อยู่อาศัยสองฝั่งถนน ทั้งชาวบ้านที่มีนบ้านเรือนในบริเวณดังกล่าว ห้างร้าน ร้านค้าร้านอาหาร โรงแรมที่พัก เกสต์เฮ้าส์ อะพาร์ทเม้นต์ หรือแม้แต่คลีนิคหมอ วัดอีก 2 แห่งคือวัดเจดีย์หลวง วัดพันเตา โรงเรียนอีก 2 แห่งคือโรงเรียนพุทธิโศภณ และโรงเรียนเมตตาศึกษา ก็ได้รับผลกระทบอย่างหัก แม้จะอ้างว่าเริ่มปิดถนน 17.00 น. แต่ความเป็นจริงแล้วโรงเรียนแม้ว่าจะเลิกเรียนแล้วแต่เด็กๆ ก็มีกิจกรรมหลังเลิกเรียนทั้งกินกรรมในโรงเรียนและการเรียนพิเศษต่างๆ ทำให้เกิดความลำบากสำหรับผู้ปกครอง
ชาวบ้านในชุมชนเมืองที่ได้รับผลกระทบห่วงที่สุดคือเรื่องของการจราจร ความลำบากของผู้ที่ต้องทำมาหากินบนพื้นที่ดังกล่าว 1 สัปดาห์จะต้องถูกปิดถนนในวันอาททิตย์ไปแล้ว 1 วันจะต้องมาปิดถนนอีก 2 วัน ก็ไม่สามารถทำมาค้าขายได้สะดวก และยังมีข่าวว่าอาจจะมีการทำโครงการให้ปิดถนนทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ด้วย ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดกับคนในชุมชนอย่างเพลิงไหม้ หรือมีผู้ป่วยฉุกเฉินจะเกิดความยากลำบากอย่างหนัก การขอคืนพื้นที่การจราจรให้กับชุมชน 6 วันต่อสัปดาห์ถือว่าเป็สิงที่เจ้าหน้าที่ของภาครัฐต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของชุมชน และคนหมู่มาก
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านพบว่ากลุ่มที่เข้ามาดำเนินการดังกล่าวคือตัวแทนของชุมชน 13 ชุมชนที่มีผู้นำชุมชนบางชุมชนไปเข้าลงชื่อขอจัดกิจกรรมอ้างว่าเป็นการขายสินค้าหัตถกรรม เพื่อช่วงชาวบ้าน โดไม่มีการทำประชาพิจารณ์ หรือสอบถามชาวบ้านในชุมชนที่ได้รับผลกระทบเลย ขณะที่ผู้นำชุมนที่ได้รับผลกระทบก็ได้มีการขอถอนชื่อออกแล้วเช่นกันหลังพบว่าชาวบ้านคัดค้านโครงการดังกล่าว นอกจากนี้แล้วยังพบว่าผู้ที่อนุมัติให้ปิดถนนคือส่วนของ สภ.เมืองเชียงใหม่ งานจราจรตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีผู็บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่เป็นผู้ลงนามอนุมัติ เริ่มโครงการทดลองตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2562 แต่ปรากฏว่าหนังสืออนุญาตกลับมีการลงนามออกคำสั่งในวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 ซึ่งเริ่มมีข้อสงสัยเกิดขึ้นส่วนทางเทศบาลนครเชียงใหม่ก็อ้างว่าเป็นกิจกรรมของชุมชนที่ไปขอทางตำรวจจัดการไม่ได้เป็นโครงการของเทศบาลแต่อย่างใด
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่างก็พบว่า มีประชาชน และนักท่องเที่ยวที่มาเดินดูของหรือเลือกซื้อสินค้าบางตาอย่างมากในแต่ละคืน แต่สิ่งที่เจอคือปัญหาเรื่องการจราจรที่เหลือช่องทางเดียวแถมยังต้องแบ่งพื้นที่ให้กับรถของชาวบ้านในชุมชน และรถที่มาจอดใช้บริการร้านค้าร้านอาหาร ที่พัก และยังมีรถของพ่อค้าแม่ค้าอีกทำให้ช่องจราจรก็ยิ่งแคบลง รถขนาดใหญ่อย่างรถดับเพลิงเข้าออกไม่ได้แน่นอน