
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ที่บ้านโป่งกุ่มสามัคคี ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุร้อนดอยสะเก็ด ที่บรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ชื่นชอบการไปพักผ่อนแช่น้ำร้อนจากแหล่งธรรมชาติเพื่อคลายความเหนื่อยเมื่อยล้าของของร่างกายท่ามกลางขุนเขาที่ล้อมรอบแล้ว ที่หมู่บ้านแห่งนี้ยังเป็นแหล่งผลิตและขายข้าวหลามที่ลูกค้ารายใดได้ลิ้มลองแล้วต่างต้องยกนิ้วให้ชื่นชมในรสชาติความอร่อย โดยข้าวหลามมีชื่อว่า “ข้าวหลามบัวคำ@โป่งกุ่ม” ของนางสิรินทร์ญา ทาอินทร์ อายุ 47 ปี ซึ่งเปิดพื้นที่หน้าบ้านเป็นสถานที่ผลิต ทั้งปรุงส่วนผสมและเผา แล้ววางขายข้าวหลาม ที่จะทำไปขายไปตั้งแต่เช้ามืดไปจนถึงช่วงค่ำของทุกวัน แต่เฉพาะในช่วงเดือน ต.ค.-เม.ย.ของทุกปีเท่านั้น
นางสิรินทร์ญา เปิดเผยว่า ข้าวหลามบัวคำ เปิดขายมานานเกือบ 20 ปี ตั้งแต่ปี 2543 โดยสูตรที่คิดค้นและพัฒนาปรับปรุงขึ้นจากข้าวหลามแบบดั้งเดิมที่ปกติชาวบ้านจะทำกินกันอยู่แล้วจนมีรสชาติกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ทั้งข้าวหลามกะทิ,ข้าวหลามข้าวเหนียวดำ,ข้าวหลามงาขี้ม่อน,ข้าวหลามกะทิถั่วดำ และข้าวหลามผสมถั่วดำกับงาขี้ม่อน
ทั้งนี้เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การคัดสรรวัตถุดิบอย่างดี ทั้งข้าวเหนียวที่เป็นข้าวใหม่ และกะทิจากมะพร้าวที่ผ่านการคัดสรรแล้วคั้นเองสดๆ จากนั้นนำส่วนผสมมาคลุกเคล้าให้เข้ากันเป็นอย่างดี ก่อนกรอกใส่ลงไปในกระบอกไม้ไผ่สด ปิดปากกระบอกด้วยกาบมะพร้าวและใบเตย นำไปวางเรียงรายเผาบนเตาถ่านนานประมาณ 30 นาที เมื่อสุกแล้วปอกเปลือกกระบอกไม้ไผ่ให้บางลง พร้อมขายในราคากระบอกละ 25 บาท
โดยจำนวนข้าวหลามที่ทำขายในแต่ละวันนั้น นางสิรินทร์ญา บอกว่า เฉลี่ยแล้ววันละประมาณ 1,000 กระบอก แต่ในบางช่วงอาจจะมากถึง 1,500 กระบอก ต้องใช้คนช่วยประมาณ 10 คน แบ่งหน้าที่ต่างๆ ทำกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งคนที่ช่วยงานนั้นส่วนใหญ่เป็นเครือญาติเพราะถือเป็นธุรกิจในครัวเรือน รวมทั้งมีการจ้างงานชาวบ้านในหมู่บ้านให้มาช่วยด้วย เท่ากับเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกทางหนึ่ง
ขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวทั้งที่จะเดินทางมาเที่ยวในพื้นที่ และจะผ่านไปท่องเที่ยวทางบ้านแม่กำปอง อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ หรือจะไปจังหวัดเชียงราย เพราะที่ตั้งถือว่าอยู่ระหว่างเส้นทางท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้งที่ซื้อกินเองและซื้อนำไปนของฝาก
นอกจากข้าวหลามที่วางขายหน้าร้านแล้ว นางสิรินทร์ญา บอกว่า บางส่วนจะถูกส่งไปวางขายที่ตลาดหลายแห่งในเชียงใหม่ด้วย ซึ่งทุกวันจะต้องเริ่มทำกันตั้งแต่เช้ามืดและขายไปตลอดทั้งวันจนค่ำ แต่ขายหมดทุกวัน อย่างไรก็ตามข้าวหลามที่ตัวเองทำนั้น จะทำขายเฉพาะช่วงระหว่างเดือน ต.ค.- เม.ย. เท่านั้น เพราะเป็นช่วงที่วัตถุดิบพร้อมสรรพและคุณภาพดีที่สุด โดยในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว ซึ่งหากผู้ที่มีโอกาสผ่านไปสามารถแวะเวียนไปอุดหนุนและลิ้มชิมรสท้าพิสูจน์กันได้ หรือสอบถามรายข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านทางเฟซบุ๊ค “บัวคำ ข้าวหลามกะทิ” หรือ โทร.081-1804126.