vDCLqD.jpgvDCMFa.jpgนักดาราศาสตร์ของสถาบันวิจัดาราศาสตร์ใช้โปรแกรมติดตามวัตถุแปลกปลอม มาใช้คำนวนเส้นทางของจรวดจีนที่กำลังจะตกสู่พื้นโลก อัพเดทข้อมูลล่าสุดพบว่าจะแค่เฉียดใกล้ไทย 2 จังหวัดทางภาคอีสานคือที่บึงกาฬ และนครพนม ก่อนที่จะโคจรรอบโลกอีก 4-5 รอบแล้วอาจจะตกในมหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงค่ำวันี้ตามเวลาประเทศไทย แต่ก็ต้องจับตาเพราะมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผล ขณะที่ทั่วโลกตำหนิการปล่อยจรวดขอจีนแบบนี้อันตรายต่อชาวโลกเพราะทิ้งชิ้นส่วนแบบไร้การควบคุม
vDCeH9.jpg
vDCFgb.jpg
vDCICf.jpg
หลังจากที่มีการจับตาจากทั่วโลก และนักวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ ติดตามสถานการณ์จรวดของจีนที่จะตกลงสู่พื้นโลกในวันนี้ และก่อนหน้านี้มีการคำนวนว่าช่วงบ่ายของวันนี้ (4พฤศจิกายน65) โคจรผ่านหลายจังหวัดของประเทศไทยรวมทั้งจังหวัดเชียงใหม่ด้วยนั้น
ล่าสุดทางสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ได้เปิดเผยข้อมูลล่าสุดจากการเฝ้าติดตามวัตถุดังกล่าวที่เป็นชิ้นส่วนของจรวดจากจีนที่จะตกลงสู่พื้นโลกวันนี้ แม้จะไม่ได้เป็นหน่วยงานที่ติดตามเรื่องนี้โดยตรงอย่างจีสด้า แต่ก็มีการเฝ้าติดตามด้วยเช่นกัน
vDu9te.jpgvDuTol.jpgโดยนายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สดร.ได้เปิดเผยว่า ทางสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติได้ใช้โปรแกรมที่ติดตามดาวเทียมมาปรับใช้เพื่อติดตามท่อนส่งจรวดของจีน โดยใช้ใช้ซอฟแวร์ไปจับกับการเคลื่อนไหวของชิ้นส่วนดังกล่าวแล้วพบว่าแนวโคจรล่าสุดนั้นจะเคลื่อนที่มาผ่านประเทศพม่า ลาว ก่อนที่จะเฉียดประเทศไทยเท่านั้นบริเวณฝั่งภาคอีสานตอนบน สองจังหวัดคือ จังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดนครพนม ในเวลาประมาณ 13.17 น.ของวันนี้ ก่อนที่จะโคจรผ่านไปประเทศเวียดนาม ต่อไปมหาสมุทรแปซิฟิก และโคจรรอบโลกอีก 4-5 รอบ และแนวโคจรก็จะเคลื่อนไปทางตอนบนพ้นประเทศไทยไป จนกระทั่งตกลงโดยคาดว่าจะตกลงบริเวณมหาสมุททรแปซิฟิกในช่วงเวลา 18.30 น.ของเวลาบ้านเรา แต่ทั่วโลกก็คาดการณ์เวลาบวกลบไปอย่างละ 3 ชั่วโมง เพราะเมื่อโคจรลดระดับต่ำลงมาใกล้โลกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งจะสามารถคำนวนได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น อีกทั้งปัจจัยอื่นเช่นการเสียดสีกับชันบรรยากาศก็อาจจะทำให้เกิดการเผาไหม้ และมีชิ้นส่วนขนาดเล็กแตกและตกลงมายังพื้นโลกได้ จึงยังต้องจับตาทิศทางการเคลื่อนที่จนกระทั่งลงสู่พื้น เบื้องต้นคาดการณ์ว่าไม่น่าจะตกในประเทศไทยได้vDudtq.jpg
vDu0oz.jpg
vDu7G8.jpg
ส่วนการสังเกตุด้วยตาเปล่าก็จะเป็นไปได้ยากหากวัตถุดังกล่าวไม่เสียดสีกับชั้นบรรยากาศจนเกิดการเผาไหม้ แต่หากลดระดับลงต่ำว่าจนเสียดสีชั้นวันยากาศก็อาจจะเกิดการเผาไหม้ และชิ้นส่วนอาจจะแตกแยกออกมาตกลงแผ่นดินได้ และช่วงที่เสียดสีก็อาจจะเกิดเป็นแสงวาบจนสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ บริเวณที่ใกล้vDuhCP.jpg
vDukIt.jpg
vDu9te.jpg
โดยทางสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทางวงการอวกาศคาดการณ์ว่าชิ้นส่วนขยะอวกาศขนาดใหญ่ของประเทศจีนจะตกลงสู่โลกในวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2022 เวลาประมาณ 18:20 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ทั้งนี้ จากการประเมินด้วยใช้ข้อมูลจากระบบติดตามขยะอวกาศจำนวนมาก จรวดดังกล่าวจะผ่านตอนเหนือทางภาคอีสานของประเทศไทย เวลาประมาณ 13:11 น. ของวันนี้ ก่อนโคจรรอบโลกไปเรื่อย ๆ อีก 4 ถึง 5 รอบโดยไม่ผ่านพื้นที่ประเทศไทย จากนั้นคาดว่าจะตกลงในมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่น่าตระหนกตกใจแต่อย่างใดvDuBSZ.jpg
vDufgI.jpg
ขยะอวกาศชิ้นนี้คือ ชิ้นส่วนท่อนหลักของจรวดลองมาร์ช 5B (Long March 5B) ที่ใช้ส่งโมดูล หรือส่วนประกอบของสถานีอวกาศ ที่มีชื่อว่า “เมิ่งเทียน” (Mengtian) ซึ่งเป็นโมดูลส่วนที่ 3 และส่วนสุดท้ายของสถานีอวกาศเทียนกง (Tiangong) ที่ส่งขึ้นสู่อวกาศตั้งแต่ในวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา
แรงเสียดทานจากบรรยากาศโลกเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ชิ้นส่วนท่อนจรวดลดระดับลงมาเรื่อย ๆ ระหว่างโคจรรอบโลก ผลการสังเกตการณ์และแบบจำลองทางทฤษฎีแสดงว่าชิ้นส่วนท่อนจรวดจะตกลงในวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน แต่ขอบเขตความคลาดเคลื่อน (Error bar) ของทั้งเวลาและสถานที่ตกยังคงกว้างมาก ณ ตอนนี้ จึงยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าจะตกบนพื้นที่ใดและช่วงเวลาไหนบริษัท Aerospace Corporation ในสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ว่าท่อนจรวดจะเข้าบรรยากาศโลก (Atmospheric reentry) ในเวลา 18:20 น. (ตามเวลาประเทศไทย) โดยมีค่าความคลาดเคลื่อน ±3 ชั่วโมง ซึ่งช่วงเวลาที่เป็นไปได้ที่กว้างถึง 6 ชั่วโมง ทำให้การประเมินพื้นที่เสี่ยงเป็นไปได้หลากหลายมาก อย่างเช่น บางส่วนของภูมิภาคอเมริกาเหนือ ภูมิภาคอเมริกากลางเกือบทั้งหมด ส่วนใหญ่ของทวีปแอฟริกา บางส่วนทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย vDuYfR.jpg
vDuz50.jpg
ปัญหาเรื่องขยะอวกาศขนาดใหญ่ของจีนที่ตกลงมาแบบไร้การควบคุมเคยมีมาแล้วก่อนหน้านี้ อย่างชิ้นส่วนท่อนจรวดหลักของจรวดลองมาร์ช 5B ที่เคยตกลงมาแล้ว 3 ครั้ง โดยรอบล่าสุดเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จากการปล่อยจรวดเพื่อส่งโมดูลเวิ่นเทียน (Wentian) ไปประกอบเข้ากับสถานีอวกาศเทียนกง
จรวดเพื่อใช้ส่งดาวเทียมรุ่นอื่น ๆ ทั่วโลกส่วนใหญ่จะถูกออกแบบให้ปล่อยจรวดท่อนแรก (ท่อนล่างสุด) ตกลงสู่บริเวณกลางมหาสมุทร หรือพื้นที่รกร้างในช่วงเวลาไม่นานหลังจากเวลาเริ่มปล่อยจรวด หรือการออกแบบให้จรวดกลับมาลงจอดเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในอนาคต แบบจรวดฟัลคอน 9 (Falcon 9) และฟัลคอนเฮฟวี (Falcon Heavy) ของ SpaceX บริษัทเอกชนด้านเทคโนโลยีอวกาศในสหรัฐฯ แต่ท่อนจรวดหลักของจรวดลองมาร์ช 5B ของจีน ออกแบบให้ไปถึงวงโคจรรอบโลก ซึ่งเป็นจุดที่ไม่สามารถควบคุมทิศทางท่อนจรวดได้แล้ว จึงปล่อยให้เกิดความเสียดทานกับบรรยากาศโลก ทำให้ท่อนจรวดค่อย ๆ ลดระดับแล้วตกลงมาแบบไร้การควบคุม
ถึงแม้มวลส่วนใหญ่ของท่อนจรวดจะเผาไหม้ในบรรยากาศ แต่จะมีชิ้นส่วนหลงเหลือจากการเผาไหม้เหลือถึงพื้นโลก ทำให้ขยะอวกาศชิ้นนี้มีความเสี่ยงต่อประชาชนและโครงสร้างต่าง ๆ บนพื้นโลกในบริเวณเส้นทางที่ชิ้นส่วนท่อนจรวดผ่านระหว่างกำลังตกลงมา
ทางบริษัท Aerospace Corporation อธิบายเพิ่มเติมว่าในกรณีขยะอวกาศขนาดใหญ่ที่ตกลงมาโดยปกติแล้ว จะมีมวลเหลือราว 20-40% ที่จะหลงเหลือจากการเผาไหม้ในบรรยากาศโลก ดังนั้น กรณีของท่อนจรวดหลักของจรวดลองมาร์ช 5B มวลที่หลงเหลือถึงพื้นโลกจะอยู่ที่ประมาณ 5.5-9.9 ตัน
อย่างไรก็ตาม ความน่าจะเป็นของพื้นที่ตกของชิ้นส่วนท่อนจรวดน่าจะเป็นมหาสมุทร เนื่องจากพื้นผิวโลกราว 70% เป็นมหาสมุทร แต่ก็ไม่ควรมองข้ามความน่าจะเป็นที่ท่อนจรวดจะตกลงแผ่นดิน ที่เคยมีกรณีท่อนจรวดของจรวดลองมาร์ช 5B ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2020 ที่ตกลงมาบริเวณหมู่บ้านในประเทศโกตดิวัวร์ ทางตะวันตกของทวีปแอฟริกา
ถึงแม้จะไม่เคยมีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตในครั้งนั้น (รวมถึงการตกลงมาของท่อนจรวดลองมาร์ช 5B ครั้งอื่น ๆ) แต่เราต้องไม่ลืมข้อเท็จจริงว่า การปล่อยให้ขยะอวกาศขนาดใหญ่เช่นนี้ตกสู่พื้นโลกแบบไร้การควบคุม เป็นการสร้างความเสี่ยงอย่างไม่จำเป็นต่อประชากรบนพื้นโลก ทำให้หน่วยงานในวงการสำรวจอวกาศและผู้สนับสนุนการสำรวจอวกาศส่วนหนึ่งตำหนิทางจีนเรื่องการจัดการขยะอวกาศขนาดใหญ่ที่ตกลงมาสู่โลก