77d5586ec92e9a3664bcc25868a80b2b.jpg
เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ นัดรวมพลใหญ่ 19 มิ.ย.65 จัด “ปอยหลวงป่าแหว่ง”นำชาวเชียงใหม่และมวลชน เยี่ยมชมบ้านพักหรูศาลอุทธรณ์ภาค5 พร้อมร่วมพิธี “ฮ้องขวัญดอยสุเทพ” และหว่านเมล็ดพันธุ์ทั้งต้นไทรต้นโพธิ์ให้เติบใหญ่ปกคลุมเขียวทึบทดแทนรอยแผลแห่งความอัปยศ ฟื้นผืนป่าให้สมบูรณ์ดังเดิม
4167cb828db00c95966db2aa0c2e55c9.jpg
743967c51e8a885bfd1be7c3f8a77900.jpg
61a5900fb4838e58c624d8fe7d93200a.jpg
นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เปิดเผยว่า ตามที่เมื่อวันที่27เม.ย.65 กรมธนารักษ์ได้รับมอบคืนพื้นที่โครงการ บ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ซึ่งตั้งอยู่พื้นที่เชิงดอยสุเทพ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ เบื้องต้นในระยะแรกเฉพาะบ้านพัก 45 หลัง เนื้อที่ประมาณ85ไร่ จากทั้งหมดประมาณ147ไร่ เพื่อเปิดทางให้ภาคประชาชนและชาวเชียงใหม่เข้าทำการปลูกต้นไม้ฟื้นฟูสภาพป่าได้ทันช่วงฤดูฝนปีนี้ หลังที่เกิดปัญหายืดเยื้อไม่มีการส่งมอบคืนพื้นที่เสียทีตั้งแต่ปี2561 ส่วนอาคารชุดที่เหลืออีก9หลังและยังมีผู้พักอาศัยอยู่จะดำเนินการในระยะต่อไปนั้น
ในวันที่ 19 มิ.ย.65 นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00น. ที่สันเขื่อนอ่างเก็บน้ำแม่จอกหลวง หลังสนามกีฬา700ปี ทางเครือข่ายฯ กำหนดจัดงาน “ปอยป่าแหว่ง” นำประชาชนชาวเชียงใหม่และผู้สนใจ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีจำนวนนับพันคนเข้าเยี่ยมชมสภาพพื้นที่บ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค5 และร่วมกันปลูกป่าฟื้นฟูในพื้นที่ดังกล่าว โดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การแสดงทางวัฒนธรรมล้านนา และย้ำจุดยืนขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ พร้อมตั้งขบวนเดินเท้าจากสันเขื่อนอ่างเก็บน้ำแม่จอกหลวง เข้าไปยังพื้นที่บ้านพัก จากนั้นประกอบพิธีกรรม “ฮ้องขวัญดอยสุเทพ” ตามความเชื่อ และร่วมกันปลูกต้นไม้ฟื้นฟูสภาพป่า เน้นการปลูกต้นไทรและต้นโพธิ์โดยการหว่านเมล็ด รวมทั้งต้นตีนตุ๊กแก เพื่อหวังให้เจริญเติบโตปกคลุมเขียวทั่วทั้งพื้นที่และช่วยปกปิดรอยแผลแห่งความอัปยศa2857300ed565654130b6b45b929d1cf.jpg
4deb78829e0e35b2db2b91baa52baef1.jpg
357f76c45abc7ad640436ed6f3a5dd03.jpg
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินการในส่วนกรมธนารักษ์นั้น ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ บอกว่า จากการติดตามจากสำนักงานธนารักษ์พื้นที่เชียงใหม่ ทราบว่ากำลังเร่งดำเนินการในส่วนของครุภัณฑ์ต่างๆในบ้านพัก ขณะที่ในส่วนของพื้นที่นั้น ทางธนารักษ์อยู่ระหว่างการประสานสอบถามไปยังกองทัพบก โดยมณฑลทหารบกที่ 33 ซึ่งเป็นผู้ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่เดิมว่าต้องการจะรับมอบพื้นที่ไปอยู่ในความดูแลหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากไม่รับทางธนารักษ์ก็จะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่ต่อไป อย่างไรก็ตามไม่ว่าพื้นที่จะอยู่ในความดูแลของหน่วยงานใดก็ตาม แต่ข้อตกลงร่วมกันของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและจุดยืนของเครือข่ายฯ ก็คือการปล่อยพื้นที่ให้มีสภาพเป็นป่าดังเดิม โดยไม่มีหน่วยงานใดๆ เข้าไปใช้ประโยชน์ และต้องส่งมอบคืนพื้นที่ให้ครบทั้งหมดรวมทั้งอาคารชุดที่เหลืออีก 9 หลังด้วย ส่วนสิ่งก่อสร้างที่ยังคงอยู่นั้น ยืนยันเช่นกันว่าต้องรื้อทิ้ง เพียงแต่ในเวลานี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อกฎหมายเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งตราบใดที่ยังไม่มีการรื้อทิ้งก็จะเท่ากับเป็นตราบาปและสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความอัปยศจากน้ำมือของหน่วยงานราชการกระทำย่ำยีกับผืนป่าดอยสุเทพไปตลอด