ขู่
กลุ่มผู้จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อยในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวหอบหลักฐานขึ้นโรงพักแจ้งความเอาผิดหญิงสาวคนตำบลเดียวกัน หลังโอนเงินจ่ายค่าซื้อสลากฯ ให้แล้วรวมกันกว่า 3 ล้านบาท แต่ถึงเวลานัดหมายส่งมอบกลับหายเข้ากลีบเมฆ แถมมีการแอบอ้างมีเจ้านายเป็นนายตำรวจระดับสูงสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ข่มผู้เสียหาย
วันนี้(23ธ.ค.65) ที่สถานีตำรวจภูธรแม่โป่ง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มผู้จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อยในพื้นที่ตำบลแม่โป่ง อำเภอดอยสะเก็ด นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับนางสาวเอนามสมมุติ อายุ 40 ปี ชาวตำบลแม่โป่ง หลังจากที่ตกเป็นผู้เสียหายจากการที่นางสาวเอชวนให้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลไปจำหน่าย โดยอ้างว่าสามารถจัดหาสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีราคาต้นทุนต่ำกว่าฉบับละ 80 บาท มาให้ได้ จึงหลงเชื่อตกลงซื้อขายและโอนเงินจ่ายค่าสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ล่วงหน้า ซึ่งที่ผ่านมาเคยทำการซื้อขายกันมาแล้วหลายงวด แต่ปรากฏว่าในช่วง 2 งวดที่ผ่านมาจนถึงงวดวันที่ 30 ธ.ค.65 เมื่อถึงนัดหมายนำสลากกินแบ่งรัฐบาลมาส่งให้ ทางนางสาวเอ กลับไม่สามารถจัดหาสลากกินแบ่งรัฐบาลมาส่งมอบให้ได้
ทั้งนี้เมื่อติดตามทวงถามไปที่นางสาวเอ ก็ถูกบ่ายเบี่ยงที่จะจัดการปัญหา รวมทั้งขาดการติดต่อไป ทั้งที่เหลือเวลาอีกเพียงสัปดาห์เดียวจะถึงวันออกผลสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว ซึ่งที่ผ่านมานางสาวเอ มักจะกล่าวอ้างอยู่ตลอดว่ามีเจ้านายที่สนับสนุนการทำธุรกิจนี้เป็นนายตำรวจระดับสูงของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และหลังจากที่เกิดปัญหาขึ้นยังพูดจาคล้ายข่มขู่ท้าทายให้เข้าแจ้งความด้วย ทำให้ผู้เสียหายรู้สึกหวั่นเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่สุดท้ายตัดสินใจรวมตัวกันเข้าแจ้งความเนื่องจากได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักและมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นเฉพาะกลุ่มที่เข้าแจ้งความครั้งนี้เป็นเงินรวมกันสูงถึงประมาณ 3 ล้านบาท โดยแต่ละรายได้รับความเสียหายตั้งแต่ประมาณ 100,000 บาท ไปจนถึงมากที่สุดประมาณ 1,300,000 บาท
จากการสอบถามกลุ่มผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความในครั้งนี้ บอกว่า ทั้งหมดมีอาชีพเป็นผู้จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อย แต่ไม่มีโควตาเป็นของตัวเอง ทำให้ต้องไปหาซื้อมาจากยี่ปั๊วเพื่อจำหน่ายต่ออีกครั้ง ซึ่งในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ได้รับการชักชวนจากนางสาวเอ ที่เป็นคนตำบลแม่โป่ง เหมือนกัน ว่าสามารถจัดหาสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ราคาต้นทุนถูกกว่าของยี่ปั๊วได้ ในราคากล่องละประมาณ 37,500-40,000 บาท โดยที่แต่ละกล่องจะมีสลาก 5 เล่มๆ ละ 100 ฉบับ รวม 500 ฉบับ ประกอบกับนางสาวเอ มีการพูดจากล่าวอ้างต่างๆ นานาสร้างความน่าเชื่อถือด้วยว่าธุรกิจนี้ทำร่วมกับเจ้านายที่เป็นนายตำรวจระดับสูงของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และมีสำนักงานเป็นหลักแหล่งอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ จึงเชื่อถือสั่งซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจากนางสาวเอ 
โดยในการซื้อขายกันนั้น จะต้องจ่ายเงินล่วงหน้าด้วยการโอนเข้าบัญชีธนาคารของนางสาวเอ ก่อนทุกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ยังไม่มีปัญหาเกิดขึ้น กระทั่งในช่วง 2 งวดที่ผ่านมา พบว่าเริ่มไม่สามารถจัดหาสลากกินแบ่งรัฐบาล มาส่งมอบให้ได้ตามที่นัดหมาย โดยเฉพาะงวดประจำวันที่ 30 ธ.ค.65 ที่ผิดนัดมาแล้วหลายครั้งและจนถึงวันนี้ยังไม่สามารถจัดหามาส่งมอบให้ได้ ทำให้กลุ่มผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะมีอาชีพจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่ไม่มีสลากกินแบ่งรัฐบาลไปจำหน่าย อีกทั้งเงินที่จ่ายไปก็เป็นเงินทุนที่ต้องใช้ซื้อมาขายไปหมุนเวียนตลอด 
ทั้งนี้กลุ่มผู้เสียหาย บอกด้วยว่า แม้จะรู้สึกหวาดกลัวเพราะมีการกล่าวอ้างนายตำรวจระดับสูง แต่เดือดร้อนจนทนไม่ไหวแล้ว เพราะแต่ละคนได้รับความเสียหายตั้งแต่หลักแสนบาทไปจนถึงหลักล้านบาท จึงตัดสินใจรวมตัวกันเข้าแจ้งความในครั้งนี้ พร้อมวิงวอนขอความเป็นธรรมด้วย ซึ่งเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนแจ้งว่า หลังจากสอบปากคำผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ แล้ว จากนั้นจะออกหมายเรียกเชิญตัวนางสาวเอ เข้าพบเพื่อให้ปากคำ แต่หากยังไม่เดินทางมาหลังจากออกหมายเรียกครบ 2 ครั้งแล้ว จะออกหมายจับต่อไป
