เปิดใจ!สาวโพสต์อวดอ้างถูกจับเมาแล้วขับ แต่ไม่ต้องถูกดำเนินคดีและส่งขึ้นศาล เพียงจ่ายเงินแถมได้ส่วนลด ยอมรับโพสต์มั่วแค่หวังประชดแฟนหนุ่ม ไม่ทันคิดจะทำให้ตำรวจเดือดร้อนทั้งโรงพัก สุดเสียใจและขอโทษที่ทำไป
ความคืบหน้ากรณีโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหลังจากที่วันนี้(28มิ.ย.62)เพจเฟซบุ๊คชื่อ “กระโหลกแดง” โพสต์ภาพและบรรยายข้อความว่า “เมาแล้วขับ ไม่ต้องขึ้นศาลแถมมีส่วนลดด้วยอ่อ” โดยภาพที่โพสต์บันทึกมาจากหน้าเฟซบุ๊คของผู้หญิงคนดังกล่าว ซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายขณะท่องเที่ยวอยู่ในสถานบันเทิงยามค่ำคืนอย่างสนุกสนานเมามัน และอีกรูปหนึ่งเป็นภาพบริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ ที่บรรยายข้อความว่า “เกมได้ไง 8000 เหลือ3000 จบแยกกกกก!!” ซึ่งผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนใหญ่ต่างตำหนิพฤติกรรม ของหญิงสาวคนดังกล่าว ว่าไม่เหมาะสม และอาจจะทำให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความเดือดร้อนเสียหายหากไม่เป็นเรื่องจริง
จากการตรวจสอบพบว่าหญิงสาวที่เป็นต้นเรื่องของโพสต์เรื่องดังกล่าว คือ “น้องจอย” (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ซึ่งจากการพูดคุยสอบถาม ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนโพสต์เรื่องราวดังกล่าวลงในเฟซบุ๊คส่วนตัวเพื่อต้องการที่จะประชดแฟนหนุ่มที่หนีเที่ยวกลางคืน โดยเมื่อคืนตัวเองได้ออกไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนและผ่านไปที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจพอดี ด้วยอาการมึนเมาและโกรธแฟนหนุ่ม จึงเกิดความคิดที่จะประชดแฟนด้วยการโพสต์เรื่องราวดังกล่าวลงไป ซึ่งรู้เท่าไม่ถึงการณ์และไม่คาดคิดว่าจะทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
ทั้งนี้ขอยืนยันว่าเรื่องราวที่ตัวเองโพสต์ลงไปไม่ได้เกิดขึ้นจริง โดยตัวเองไม่ได้ถูก ตำรวจจับเมาแล้วขับและไม่มีการจ่ายเงินใดๆทั้งสิ้น ซึ่งหลังจาโซเชียลมีการแชร์และเผยแพร่เรื่องราวออกไปเป็นวงกว้าง ตัวเองรู้สึกเสียใจอย่างมากและอยากกราบขอโทษทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำให้เดือดร้อน ทั้งนี้เตรียมจะเข้าพบกับทางผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรภูพิงค์ราชนิเวศน์เพื่อขอโทษและยอมรับผิดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์บานปลายเช่นนี้
นอกจากนี้ “น้องจอย” บอกเพิ่มเติมว่า โพสต์ลงในเฟซบุ๊คส่วนตัวเวลาประมาณ 03:00 น จากนั้นประมาณ 06:00 น ได้มีคนรู้จักโทรศัพท์มาบอกว่ากลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตแล้วเพราะมีการนำไปแชร์ต่อผ่านทาง เพจชื่อดัง 
ซึ่งหลังจากทราบเรื่องตัวเองได้รีบลบโพสต์ของตัวเองออกไปทันที โดยยอมรับว่ารู้สึกเครียดมากจนนอนไม่หลับ และไม่กล้าเข้าไปอ่านข้อความที่มีผู้แสดงความคิดเห็น เพราะเชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะเป็นการตำหนิตัวเอง ซึ่งยืนยันว่ารู้สึกผิด และเสียใจอย่างมาก รวมทั้งเห็นว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นประสบการณ์และบทเรียนชีวิตครั้งสำคัญ และจะไม่ปล่อยให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
