คืบหน้าโพสต์แชร์เต็นท์เชื้อรา ที่ดอยม่อนแจ่ม ล่าสุดเจ้าของรีสอร์ทน้อมรับผิดและขอโทษผู้พัก โดยได้ทำการเปลี่ยนเต็นท์ทันทีทุกหลัง สาเหตุมาจากใช้เต็นท์มาตั้งแต่ช่วงหน้าฝนประกอบกับอากาศบนดอยชื้น ทำให้เกิดเชื้อรา ขอถือเป็นบทเรียนให้ผู้ประกอบการดูแลปรับปรุงการให้บริการ
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 พ.ย.62 ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “Wichuda Santes” ได้โพสต์บรรยายข้อความพร้อมรูปภาพประกอบลงในกลุ่มเฟซบุ๊คที่ชื่อ “กลุ่มคนหนีเที่ยว | Sneak out หนีเที่ยว”
โดยโพสต์วิจารณ์ความพอใจหลังไปใช้บริการที่พักแห่งหนึ่งที่ม่อนแจ่ม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ที่ผู้ใช้เฟซบุ๊คดังกล่าวพร้อมคณะไปพักกางเต็นท์หลายหลัง
แต่ปรากฏว่าภายในเต็นท์ที่พักค้างคืนนั้นมีราดำขึ้นเต็มไปหมด จึงนำเรื่องราวประสบการณ์ที่ได้รับมาเผยแพร่เพื่อหวังให้เป็นกรณีตัวอย่างและทางเจ้าของที่พักมีการแก้ไขปรับปรุง เพราะว่ากำลังเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว ที่ผู้คนน่าจะเพิ่มขึ้นอีก
ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นและแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก โดยต่อมาถามเจ้าของที่พักได้โพสต์ขอโทษยอมรับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และได้ทำการปรับปรุงแก้ไขแล้ว
วันนี้(2ธ.ค.62) ที่ม่อนสายลม ซึ่งเป็นที่พักที่ม่อนแจ่ม ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นายภานวัฒน์ สุขสกุลปัญญา อายุ26ปี เจ้าของและผู้จัดการม่อนสายลม เปิดเผยว่า ตามที่มีการโพสต์กรณีดังกล่าวนั้นยอมรับว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ซึ่งต้องขออภัยและขอบคุณเจ้าของโพสต์ที่นำเรื่องราวดังกล่าวมาแจ้งให้ทราบ โดยหลังจากที่ทราบเรื่อง ทางที่พักได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงทันทีด้วยการรื้อเต็นท์ทั้งหมด 12 หลัง ออก และจัดการเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้มีเชื้อราและคราบดำติดอยู่บนเต็นท์นั้น คาดว่าน่าจะเป็นเพราะได้นำเต็นท์ดังกล่าวมาติดตั้งไว้ตั้งแต่ช่วงปลายฤดูฝน ต่อเนื่องมาตลอด ทำให้อาจจะเกิดความชื้นและเป็นราในที่สุด
ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ ในการปรับปรุงและดูแล ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นเดียวกันนี้ขึ้นอีก พร้อมทั้งขอให้ท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว มีความมั่นใจ ในเรื่องความสะอาดและสุขอนามัย รวมทั้ง สามารถให้ข้อเสนอแนะได้ตลอด
รายงานข่าวแจ้งว่าในช่วงบ่ายวันนี้ ทางจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการท่องเที่ยวและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ จะนำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าว และให้ข้อแนะนำแก่เจ้าของที่พักในพื้นที่