หวั่นหมดอาชีพ ตัวแทนเกษตรกรชาวไร่ยาสูบเชียงใหม่ กว่า 300 คน ยื่นหนังสือร้องกระทรวงการคลังผ่านศูนย์ดำรงค์ธรรมเชียงใหม่ ให้ช่วยหลังโรงงานประกาศงดรับซื้อผลผลิต กระทบอาชีพของการเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบในเชียงใหม่กว่า 1 หมื่นราย12093f79a07190367b71db670ce20d60.jpgเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 มิ.ย.61 ที่บริเวณด้านหน้าอาคารอำนวยการศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายขจรศักดิ์ เมฆขจร นายกสมาคมพัฒนาชาวไร่บ่มเองจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายอรุณ โปลิตา ชมรมชาวไรบ่มเองจังหวัดเชียงใหม่ นำชาวไร่ยาสูบในสังกัดกว่า 300 ราย เข้ายื่นหนังสือที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อส่งถึงกระทรวงการคลัง เพื่อเรียกร้องให้ทางกระทรวงการคลังให้ความช่วยเหลือชาวไร่ กรณีได้รับผลกระทบจากการที่การยาสูบฯ ประกาศจะไม่รับซื้อใบยาจากเกษตรกรในฤดูกาลนี้ ส่งผลทำให้เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบรวมถึงแรงงานในโรงงานไร่ยาสูบ และแรงงานเกี่ยวข้องได้รับความเดือดร้อนในเรื่องรายได้d4fd1641ca6eb5b76ed3e07a9878e7f6.jpgทั้งนี้ทางด้าน นายอรุณ โปลิตา ชมรมชาวไรบ่มเองจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในการเดินทางเข้ายื่นหนังสือของกลุ่มครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ชาวไร่ยาสูบ ผู้บ่ม และแรงงานในโรงงาน ในพื้นที่ซึ่งมีมากกว่า 10,000 ราย ต่างได้รับผลกระทบภายหลังจากที่การยาสูบฯ ได้มีประกาศแจ้งว่าจะไม่รับซื้อยา โดยให้เหตุผลว่าไม่มีงบประมาณและมีสต๊อกเหลือคงค้างอีกเป็นจำนวนมาก de731b4287a7c2aea183075574ed55b1.jpgซึ่งก่อนหน้านี้ในแต่ละปีโรงงานยาสูบ จะมีโควต้าในการรับซื้อจากชาวไร่ในจังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ 3,000,000 กิโลกรัม และในส่วนของผู้บ่มอีกประมาณ 1,000,000 กิโลกรัม รวมไปถึงของที่ชาวไร่บ่มเองอีกประมาณ 2,000,000 กิโลกรัม แต่ในช่วงเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมา พ.ร.บ.สรรพสามิตที่ออกมานั้นทำให้บุหรี่มีการปรับเปลี่ยนราคา ขณะเดียวกันทางโรงงานยาสูบอ้างว่าได้รับผลกระทบยอดขายบุหรี่ตกและมีนโยบายจะงดรับซื้อใบยาจากชาวไร่เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการเข้าพบการยาสูบฯ และกรมสรรพสามิตเพื่อชี้แจงผลกระทบ และนำเสนอทางออกหลายทางแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆad1b5c71c41c3e5475e4469acbaa0deb.jpgโดยในการยื่นหนังสือครั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะเพียงในพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่เพียงจุดเดียว แต่ได้มีการนัดยื่นหนังสือพร้อมกับหลายจังหวัด ทั้ง เชียงราย แพร่ น่าน พะเยา ลำปาง เพชรบูรณ์ และสุโขทัย ต่างเดินทางไปยื่นหนังสือที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เนื่องจากแต่ละพื้นที่ก็ต่างได้รับผลกระทบเช่นกัน และอยากเรียกร้องให้ทางภาครัฐให้ความช่วยเหลือ ย.ส.ท. ในการจัดหางบประมาณสำหรับการจัดซื้อใบยาสูบสำหรับฤดูการ 2561/62 เป็นการเร่งด่วน เนื่องจากในขณะนี้ใกล้ที่จะเข้าสู่ฤดูการผลิตยาสูบแล้ว และปรับปรุง กฎกระทรวงใน พ.ร.บ. สรรพสามิต พ.ศ. 2560 ให้เหมาะสม เพื่อให้ ย.ส.ท. พอที่จะมีกำไรที่เหมาะสม และสามารถขายบุหรี่เพิ่มขึ้นได้42d205afa573e2b6419d272bd73dc014.jpgนอกจากนี้อยากให้มีการระงับการนำ อัตราการเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับบุหรี่ ในอัตราเดียว 40 เปอร์เซ็น ที่นำมาใช้ในปี 2562 อย่างไม่มีกำหนด เพื่อให้อุตสาหกรรมยาสูบทั้ง ย.ส.ท. และ เกษตรกรชาวไร่ยาสูบได้มีเวลาปรับตัว และให้เวลาแก่กรมสรรพสามิตในการที่จะหาทางแก้ปัญหาบุหรี่เถีอน บุหรี่ปลอมให้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมก่อน รวมทั้งขอให้ทางภาครัฐพิจารณาว่า ผู้บริหารของ ย.ส.ท. มีความสามารถที่จะบริหาร ย.ส.ท. ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ และที่สำคัญ ขอให้ทางภาครัฐพิจารณาว่า ผู้บริหาร ย.ส.ท. ได้มีธรรมาภิบาลต่อผู้ที่เกี่ยวข้องใoอุตสาหกรรม(เกษตรกรชาวไร่ยาสูบ)หรือไม่จากการที่ ได้ละทิ้งเกษตรกรชาวไร่ยาสูบซึ่งเป็นผู้ที่จัดหาใบยาสูบให้แก่ทางโรงงานยาสูบเป็นเวลาติดต่อกันมากกว่า 80 ปี โดยทันที และไม่มีแผนการใดๆมาบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวไร่ยาสูบเลย9b6553c02ed48fcdb2b29d582d23a929.jpgอย่างไรก็ตามภายหลังการชุมนุมยื่นหนังสือครั้งนี้ ทางด้าน นายประจวบ กันธิยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เป็นตัวแทนเข้าพูดคุยและรับมอบเอกสารจากทางตัวแทนผู้ชุมนุม พร้อมทั้งรับปากว่าจะดำเนินการนำเรื่องดังกล่าวรายงานให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อส่งมอบให้กับทางกระทรวงการคลัง และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการพิจารณาและดำเนินการตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อไป ซึ่งภายหลังการยื่นหนังสือเสร็จสิ้นทางกลุ่มผู้ชุมนุมก้ได้แยกย้ายเดินทางกลับโดยไม่มีความวุ่นวายแต่อย่างใด