
น้องวี รปภ.วัดคนเก่งว่าที่นิสิต คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำงานวันนี้วัดสุดท้าย เผยรู้สึกใจหายกับงานที่ทำเป็นอาชีพแรกในชีวิต แม้จะช่วงเวลาอันสั้นแต่ก็ภาคภูมิใจ และตั้งใจทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้ายยื่นใบลาออกล่วงหน้าแล้ว 1 เดือน ขณะเดียวกันรู้สึกประทับใจหลังเป็นข่าวดังคนแห่ให้กำลังใจ มาพร้อมกับความเขินอายที่มีคนไม่รู้จักมาขอถ่ายภาพด้วย
นายวีรพงศ์ แซ่หาญ อายุ 18 ปี เด็กเก่งที่เพิ่งจบชั้น ม.ปลายจากโรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม จังหวัดน่าน ว่าที่นิสิต คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีการศึกษา 2562 เช้าวันนี้( 17 พค.62) ยังคงมาทำงานที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ในชุดพนักงานรักษาความปลอดภัย ซึ่งในวันนี้จะเป็นวันทำงานเป็ฯวันสุดท้ายของน้องวี เนื่องจากตนเองได้ยื่นใบลาออกล่วงหน้าตามขั้นตอนแล้ว 1 เดือน หลังจากที่ทราบข่าวดีว่าตนเองสอบได้ที่ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งทางหัวหน้างานของบริษัท ชัยภูมิ โปรการ์ด รวมทั้งเพื่อร่วมงานก็ยินดีกับความสำเร็จของน้อง และภาคภูมิใจแทนน้องที่เป็นคนสู้ชีวิต ไม่เกี่ยงงานไม่ว่าอาชีพไหน แม้แต่อาชีพ รปภ. และถือเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้อื่นด้วย
โดยในวันนี้แม้จะเป็นการทำงานวันสุดท้าย น้องวี นายวีรพงศ์ แซ่หาญ ก็ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุดจนนาทีสุดท้ายที่จะได้ทำงานในอาชีพ รปภ. ที่แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 2 เดือนกว่า แต่น้องวีบอกว่า รู้สึกใจหายที่จะต้องมาทำงานเป็นวันสุดท้ายเนื่องจากนี่ถือเป็นอาชีพแรกที่ตนเองทำงานอย่างเต็มตัวตั้งใจ และสนุกกับงาน ที่ได้ให้บริการผู้คน นักท่องเที่ยว และมีเพื่อนร่วมงานที่ดีมีความสุขกับการทำงานทุกๆวัน จนถึงวันสุดท้ายในวันนี้
และความรู้สึกหลังจากที่ตกเป็นข่าวดัง ก็พบว่ามีผู้คนที่ทราบข่าวให้ความสนใจ และมาให้กำลังใจรวมทั้งชื่นขมเป็นจำนวนมาก บางคนก็มาขอถ่ายภาพทั้งๆ ที่ตนเองไม่ได้รู้จักกันมาก่อนก็ทำให้รู้สึกเขินอาย แต่ล้วนเป็นกำลังใจที่ทำให้เกิดความภาคภูมิใจ และจะได้เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเยาวชนคนรุ่นหลัง หรือแม้แต่ผู้ประกอบอาชีพทุกอาชีพ ทุกฐานะ
ส่วนเรื่องของการรับทุนอยากขอชี้แจงให้เขาใจว่า ทุนที่จะได้รับมี 2 ทุนที่ตนเองสามารถรับได้ โดยทุนหลักที่ต้องได้รับคือทุนจุฬา ชนบท ประเภท ก ซึ่งค่าจะให้ทุนทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าชุดนิสิตนักศึกษา ค่าเทอม ค่าพยาบาล และหอพัก ถือเป็นทุนหลัก ที่ตนเองได้รับ จากผลคะแนนสอบที่ยื่นสมัครในมหาวิทยาลัยทั้ง 2 แห่ง จนได้รับซึ่งทุนนี้จะต้องผ่านเกณฑ์ ในการสอบเข้าด้วยคะแนนที่ทำได้ด้วยจึงจะได้สิทธิ์ในการรับทุนนี้ในการศึกษาต่อ ส่วนอีกทุนหนึ่งคือ ทุนของมูลนิธิโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซึ่งจะเป็นทุนที่จะช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างเต็มจำนวน รวมไปถึงเรื่องของภาระค่าช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างเรื่องของอุปกรณ์การเรียน หรือค่าทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งตรงนี้ต้องไปพูดคุยดูกฏระเบียบว่าสามารถรับพร้อมกันทั้ง 2 ทุนได้หรือไม่ หากได้ทุนหลังก็จะมาช่วยเสริมเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเรียนเพิ่มเติม
สำหรับตอนนี้ หลังจากวันนี้ทำงานวันสุดท้าย และต้องออกจากงานพรุ่งนี้(18พค.62) ก็จะเดินทางไปอำเภอท่าวังผา จ.น่าน เพื่อไปเตรียมตัวเดินทาง และไปรับแม่เพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพด้วยกัน ในวันที่ 21 พค.เพื่อไปเข้าค่ายปรับระดับในการเรียนที่ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันที่ 22 พค.นี้ โดยทั้งหมดก็จะใช้เงินจากการที่มาทำงานเป็น รปภ.ที่จังหวัดเชียงใหม่ในช่วง 2 เดือนกว่าที่ผ่านมา โดยถือเป็นการแบ่งเบาภาระของคุณแม่ไปด้วย