
ผู้ว่าฯเชียงใหม่ สั่งเร่งสอบสวนละเอียดกรณีพบเจ้าหน้าที่ลูกจ้าง สย.ปลอมลายเซ็นปลัดอำเภอสารภีร่วมขบวนการสวมตัวทำบัตรประชาชนกว่า 50 ราย ลั่นดำเนินการลงโทษและเอาผิดตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดผู้เกี่ยวข้องทุกราย ขณะที่ “ปลัดจอมแฉ” ชี้ทำกันเป็นเครือข่ายขบวนการและเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า แหล่งข่าวจากที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้มีการตรวจสอบพบการสวมตัวทำบัตรประจำตัวประชาชนกว่า 50 ราย ที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ที่เป็นลูกจ้าง สย.ช่วยงานด้านทะเบียนของอำเภอได้ลักลอบดำเนินการด้วยการใช้รหัสการเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลในการทำบัตรประชาชนของปลัดอำเภอที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย พร้อมทั้งปลอมลายมือชื่อของปลัดอำเภอในการทำบัตรประชาชนให้กับผู้ที่สวมตัวทำบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งต่อมาทางอำเภอตรวจสอบพบความผิดปกติและสอบสวนลูกจ้างคนดังกล่าว จนให้การรับสารภาพและมีการแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว ขณะเดียวกันทำการยกเลิกบัตรประจำตัวประชาชนดังกล่าวทั้งหมดหว่างการดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียดเพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งหมด ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องกระทำผิดเป็นผู้ใดบ้างนั้น กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ยืนยันว่าหากพบข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนี้ จะดำเนินลงโทษอย่างเด็ดขาดไม่มีข้อยกเว้น ทั้งคดีอาญาและความผิดทางวินัย นอกจากนี้พร้อมตรวจสอบทุกกรณีลักษณะเดียวกันนี้หากมีข้อมูล พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้เป็นข้อสั่งการอยู่แล้วให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
ขณะที่นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย แสดงความเห็นว่า การสวมตัวทำบัตรประจำตัวประชาชนถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติอย่างร้ายแรง เพราะเกี่ยวกับได้สิทธิตามกฎหมายทุกอย่าง รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะมีการสวมตัวเพื่อหลบหนีการกระทำผิดกฎหมายหรือนำไปใช้หลบเลี่ยงกระทำผิดอื่นๆ อีก เช่น เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดหรือเครือข่ายฟอกเงิน เป็นต้น ทั้งนี้สนับสนุนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในการตรวจสอบและกวาดล้างการกระทำผิดเกี่ยวกับการสวมตัวทำบัตรประชาชนอย่างเด็ดขาด เพราะเชื่อว่าน่าจะต้องมีการร่วมกันทำกันเป็นเครือข่ายขบวนการใหญ่
สำหรับกรณีการสวมบัตรประชาชนดังกล่าวนี้ นายบุญญฤทธิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าเป็นการสวมตัวทำบัตรประชาชนในลักษณะที่เป็นการทำบัตรประชาชนครั้งแรกเกินกำหนดและนอกเขต ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตอาศัยช่องโหว่ที่แต่ละวันมีประชาชนใช้บริการจำนวนมากปลอมลายมือชื่อปลัดอำเภอที่เป็นนายทะเบียน ที่อาจจะไม่สามารถตรวจสอบเข้มงวดได้ทุกกรณี ซึ่งเมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นมาทำให้ตัวเองในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ปฏิบัติงานรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะในการปฏิบัติงานจริง ถ้าตรวจสอบเข้มงวดทุกกรณีในแต่ละวันคงจะทำบัตรประชาชนให้ได้เพียงไม่กี่รายเท่านั้น ทั้งนี้ทางสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย เตรียมที่จะรวบรวมหลักฐานและข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการปราบกวาดล้างเครือข่ายสวมบัตรอย่างเด็ดขาด พร้อมวางมาตรการป้องกันอย่างรัดกุม เพื่อป้องกันปัญหานี้
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า กรณีการสวมตัวทำบัตรประจำตัวประชาชนที่มีการตรวจสอบพบดังกล่าวนี้ ทางเจ้าหน้าที่ที่เป็นลูกจ้าง ซึ่งก่อเหตุ ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุเพียงลำพัง โดยสมรู้ร่วมคิดกับบุคคลคนหนึ่งที่เข้ามาตีสนิทและขอให้ดำเนินการให้ เริ่มก่อเหตุตั้งแต่เดือน พ.ค.65 จนกระทั่งถูกตรวจสอบพบในช่วงเดือน ก.ย.65 ซึ่งได้ดำเนินการสวมตัวทำบัตรประจำตัวประชาชนให้ไปแล้วกว่า 50 ราย และอ้างว่าได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเพียง 500-3,000 บาทต่อรายเท่านั้น ส่วนลักษณะการสวมตัวทำบัตรจะเป็นลักษณะของการทำบัตรประชาชนครั้งแรกเกินกำหนดและนอกเขต ซึ่งในระบบฐานข้อมูลจะยังไม่มีภาพถ่ายและลายนิ้วมือเพื่อใช้เปรียบเทียบ โดยใช้สูติบัตรที่มีที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลมาเป็นหลักฐานยื่นขอทำบัตรประชาชน พร้อมมีบุคคลมารับรองยืนยันตัวตนให้