
สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เดินหน้าแผนงานเชิงรุกจับมือ 13 องค์กรรับรอง ในพื้นที่ภาคเหนือ ส่งมืออาชีพร่วมกันสร้างนครแห่งชีวิตและความมั่งคั่งกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกดร.นพดล ปิยะตระภูมิ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ นำทีมเจ้าหน้าที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. จัดทำข้อตกความร่วมมือระหว่างองค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะของบุคคล ในพื้นที่ภาคเหนือ 13 องค์กร รวมแล้วกว่า 18 สาขาวิชาชีพ เพื่อร่วมกันผลักดันมืออาชีพร่วมสร้าง และพัฒนาพื้นที่ให้เป็นนครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง ตามยุทธศาสตร์ชาติ ไทยแลนด์ 4.0 เมืองที่ให้ความสุขและชีวิตที่มีคุณค่าแก่ผู้อยู่อาศัยและผู้มาเยือน ในฐานะเมืองที่น่าอยู่และน่าท่องเที่ยวระดับโลก
ทั้งนี้ระหว่างการพูดคุยกับตัวแทนองค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ ยอมรับว่าบุคลากรที่ในสาขาแม่พิมพ์ที่ได้ใบรับรองมาตรฐานอาชีพจาก สคช. มีโอกาสได้รับเข้าทำงานในสาขาวิชาชีพได้มากกว่าผู้ที่ไม่มีใบรับรอง แต่เนื่องจากสาขาฯ นี้เป็นสาขาที่มีความจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองให้มีทักษะความสามารถตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ผู้ประกอบการเองจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้บุคคลได้มีโอกาสเพิ่มศักยภาพตัวเอง และทำให้เกิดความแข็งแกร่งในธุรกิจของผู้ประกอบการได้ด้วย
นอกจากนี้ทุกฝ่ายยังเห็นตรงกันว่า สคช. เป็นองค์กรที่สามารถช่วยผลักดันกำลังคนมืออาชีพให้ก้าวไปสู่ตลาดภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในระดับสากลได้ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่นำเม็ดเงินกลับเข้ามาหมุนเวียนภายในประเทศเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจภายในประเทศให้เติบโตขึ้น
ด้าน ดร.กวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน หรือ สช. ซึ่งได้ร่วมกับ สคช. พบปะพูดคุยกับตัวแทนโรงเรียนนอกระบบกว่า 80 แห่ง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนกำลังคนแบบองค์รวมด้วยระบบคุณวุฒิวิชาชีพ รวมทั้งนำมาตรฐานอาชีพมาประยุกต์ใช้ในหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อผลิตกำลังคนที่เป็นมืออาชีพได้ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการ เนื่องจากโรงเรียนนอกระบบ มีความได้เปรียบโรงเรียนในระบบ ที่การปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพการศึกษาสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วกว่า
ขณะที่การบรรยายเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนนอกระบบแนวใหม่ โดยตัวแทนคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ยังยืนยันความพร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันคนมืออาชีพให้ร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน สร้างความสามารถในการแข่งขัน และยังเป็นการสร้างโอกาสความเสมอภาคในสังคมตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี อีกด้วย