
ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ ที่จะบินตรงเข้ามายังจังหวัดเชียงใหม่ โดยเที่ยวบินแรกจะเดินทางมาจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ในวันที่ 18 มกราคม ที่จะถึงนี้
นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ นำคณะผู้บริหาร และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ด่านตรวจคนเข้าเมือง และด่านศุลกากร เดินสังเกตการณ์ ตรวจสอบพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ในท่าอากาศยานเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน เพื่อกำหนดกระบวนการให้บริการผู้โดยสารให้เกิดความสะดวก รวดเร็วที่สุด เตรียมพร้อมรองรับจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่จะเพิ่มขึ้น หลังจากจีนเปิดประเทศ ซึ่งในวันที่ 18 มกราคมที่จะถึงนี้ จะมีสายการบิน (จุนเหยา) เริ่มทำการบินในเส้นทาง เซี่ยงไฮ้-เชียงใหม่ เป็นเที่ยวแรก และในวันที่ 20 มกราคม จะเป็นสายการบิน (สปริงแอร์) ในเส้นทาง กวางโจว – เชียงใหม่
นอกจากนี้ยังมีสายการบินที่อยู่ระหว่างดำเนินการขอใบอนุญาตทำการบินอีก 4 สายการบิน ได้แก่ (สายการบินแอร์ไชน่า) เส้นทาง ปักกิ่ง-เชียงใหม่ (สายการบินเสฉวน) เส้นทาง เฉินตู-เชียงใหม่ (สายการบินไชน่าอีสเทิน) เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-เชียงใหม่ และ(สายการบินสปริงแอร์) เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-เชียงใหม่ ทั้งนี้ในปี 2562 ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ท่าอากาศยานเชียงใหม่มีเส้นทางบินตรงไปยังเมืองต่างๆ ของจีนรวมทั้งสิ้น 19 เส้นทาง มีผู้โดยสารชาวจีนเฉลี่ยวันละ 4,000-5,000 คน และมีจำนวนผู้โดยสารชาวจีน ผ่านเข้าออกท่าอากาศยานเชียงใหม่ในปี 2562 กว่า 1.78 ล้านคน
สำหรับเส้นทางบินตรงระหว่างประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากประเทศจีนที่เข้ามายังจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบัน มีอยู่ 11 เส้นทาง ได้แก่ อินชอน สิงคโปร์ ไทเป หลวงพระบาง ดานัง ฮานอย ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ ปูซาน โฮจิมินห์ และย่างกุ้ง อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีความพร้อมรับผู้โดยสารอย่างเต็มที่ โดยในระยะนี้มีการเดินทางเข้าออกท่าอากาศยานเชียงใหม่ วันละ 24,000 คน ในช่วงเทศกาลปีใหม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออก ประมาณ 26,000 คน ขณะที่มีความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ 30,000 คน และยังสามารถขยายการให้บริการได้อีก