หนุ่มซิ่งรถจักรยานยนต์วิบาก พาเพื่อนมาจากกรุงเทพ เที่ยวกิ่วฝิ่นแม่กำปอง จ.เชียงใหม่ พลาดตกเขาสูง โชคดีชาวบ้านมาเป็นร่องรอยผิดปกติจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบร่างชายสองคน เสียชีวิต 1 บาดเจ็บสาหัส 1 กู้ภัยทางสูงต้องโรยตัวลงไปกู้ร่างและช่วยเหลือ
เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 6 มี.ค.2565 ทางด้านร.ต.อ.อินชวน ญี่นาง รองสารวัตรสอบสวนสภ.แม่ออน ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ตกหน้าผาบริเวณดอยอินเซอ หมู่บ้านแม่กำปอง หมู่ 3 ต.ห้วยแก้ว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยเขาให้การช่วยเหลือ เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงพบร่องรอยของรถจักรยานยนต์ตกข้างทางเป็นหน้าผาลึกกว่า 50 เมตร ถ้าเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงต้องใช้อุปกรณ์กู้ภัยทางสูงโรยตัวลงไปตรวจสอบ ซึ่งการทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน
โดยมีเจ้าหน้าที่โรยตัวลงไปถึงด้านล่างเจ้าหน้าที่พบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 รายทางเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันลำเลียงขึ้นมานำส่งรักษาต่อยังโรงพยาบาลแม่ออน นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์ Honda รุ่น CRF หมายเลขทะเบียน 2กม 2042 เชียงใหม่ล้มอยู่ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบร่างผู้เสียชีวิต 1 รายนอนอยู่ใกล้กับรถจักรยานยนต์ ทราบชื่อภายหลังคือนายกฤษดา เปี่ยมทองคำ อายุ 40 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 77/216 ซอยเทิดราชัน 1 ถนนเทิดราชัน แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้จากการสอบถามทราบว่า ผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาจากจังหวัดกรุงเทพฯ เพื่อที่มาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเดินทางมาถึงผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นเพื่อนกันได้พาไปเดินทางท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ จากนั้นได้พากันไปขึ้นกิ่วฝิ่น ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของแม่กำปอง จนกระทั่งช่วงเย็นทั้งสองได้ขับรถกลับลงมา แล้วขาดการติดต่อไปไม่สามารถติดต่อได้ เพื่อนๆจึงได้ช่วยกันออกตามหา ซึ่งภายหลังชาวบ้านแม่กำปองที่ทำสวนอยู่ในบริเวณนั้น ได้เห็นสายไฟฟ้าขาดและมีร่องรอยของรถตกลงไปในเหวลึก จึงแจ้งให้กู้ชีพ-กู้ภัยเข้ามาตรวจสอบ ก็พบว่าทั้งสองประสบอุบัติเหตุตกลงไปบริเวณดังกล่าว ก็พบร่างผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตอยู่บริเวณดังกล่าวจึงได้ช่วยกันนำขึ้นมา
โดยในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปตรวจพิสูจน์อย่างแผนกนิติเวชโรงพยาบาลแม่ออน ก่อนจะได้ประสานญาติให้มารับร่างไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมทางศาสนา ส่วนในเรื่องคดีจะต้องรอผู้ได้รับบาดเจ็บหายดีอีกครั้งหนึ่งถึงจะเชิญตัวมาสอบปากคำ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แน่ชัดอีกครั้งหนึ่งต่อไป
