
สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แม้ในวันนี้จะตรวจพบจุดความร้อนเพียง 154 จุด ในพื้นที่ทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ แต่เป็นผลมาจากปัญหาฝุ่นควันข้ามแดนจากประเทศลาว ที่มีการเผากันอย่างหนักจากภาพดาวเทียมพบจุดฮอทสปอทแดงเถือกเต็มพื้นที่ชายแดน
สภาพอากาศเหนือท้องฟ้าตัวเมืองเชียงใหม่แม้จะมีฝนตกลงมาในหลายพื้นที่ของเชียงใหม่ในคืนที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ช่วยชะล้างหมอกควันจากไฟป่าที่สะสมในอากาศลงมาได้เลย เช้านี้ยังมีกลุ่มควันสีขาวลอยปกคลุมให้เห็นเด่นชัด จากรายงานการตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษพบกว่า ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานทั้ง 5 สถานี โดยที่ตำบลสุเทพ ในตัวเมืองเชียงใหม่วัดได้ 92 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับสีแดง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ส่วนอีก 4 สถานีอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มส่งผลกระทบต่อประชาชน ประกอบด้วย อำเภอเชียงดาว 53 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ตำบลศรีภูมิและตำบลช้างเผือก ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ 54 และ 63 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ และที่อำเภอแม่แจ่ม 49 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ขณะเดียวกันยังพบว่าในพื้นที่ 17 จังหวัด ภาคเหนือ พบว่าค่าคุณภาพอากาศที่มีแนวโน้มที่จะวิกฤติหนักเพิ่มขึ้น สวนทางกับจุดความร้อนที่ตรวจพบวันนี้ 154 จุดในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ นางดวงใจ ดวงทิพย์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 ชี้แจงว่า แนวโน้มค่า PM2.5 ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีจุดความร้อนเกิดขึ้นในประเทศลาวเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อวันที่ 5 เมษายน เกิดขึ้นมากเกือบ 8,000 จุด แล้วทิศทางลมในระดับ 25,000 ฟุตขึ้นไป ที่พัดสอบจะทางทิศตะวันออกมาทางทิศตะวันตก นำพาฝุ่นควันขนาดเล็กเข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก แม้จะมีฝนตกลงมาในช่วงสองถึงสามวันที่ผ่านมา ก็ช่วยลดค่าฝุ่นละอองในอากาศได้บ้างเป็นช่วงสั้นๆ แค่ 24 ชั่วโมง แต่เนื่องจากปริมาณฝุ่นที่สะสมอยู่เป็นจำนวนมากก็จะเคลื่อนตัวเข้ามามาแทนที่ทันที จึงเพิ่มขึ้นได้เช่นเดิม ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นไปจนถึงวันที่ 10 เมษายน จากนั้นคาดว่าคุณภาพอากาศจะเริ่มดีขึ้น