
หลังจากที่นายกรัฐมนตรีมาเชียงใหม่มาติดตามสถาการณ์หมอกควัน ย้ำ 7 วันให้ดีขึ้น และช่วงที่นายกมามีกระแสลมพัดเข้ามาทำให้อากาศดีขึ้น แต่เช้านี้หลังนายกกลับแค่ข้ามคืน สถานการณ์หมอกควันของจังหวัดเชียงใหม่ก็วิกฤติหนักอีกรอบอำเภอกัลยานิวัฒนา หนักสุด ค่าPM2.5 พุ่งสูง 884 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พายุฝนก็มาถึงแต่ภาคเหนือตอนล่างไม่มาถึงตอนบน ขณะที่กองทัพปรับแผนตามคำสั่งนายกลุยส่งกำลังพลเข้าพื้นที่เข้มข้นลดไฟป่า 9 จังหวัดเหนือสั่งปิดป่าห้ามเข้าเตือนชาวบ้านใครเข้าป่าเสี่ยงถูกจับกุม
หลังจากที่วานนี้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาติดตามสถานการณ์ฆมอกควัน และนั่งหัวโต๊ะร่วมประชุมหน่วยงาน 9 จังหวัดเหนือทำงานเข้มข้นภายใน 7 วันสถานการณ์ต้องดีขึ้น ประกอบกับช่วงวานนี้ที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ที่เชียงใหม่มีกระแสลม ทำให้ฝุ่นควันลดลง จนบางช่วงของวันสามารถมองเห็นดอยสุเทพทางด้านทิศตะวันตกได้อย่างชัดเจน แต่ล่าสุดเช้าวันนี้กลับพบว่ามีกลุ่มควันไฟ และควันไฟมีขาวโพลนกลับมาปกคลุมตัวเมืองเชียงใหม่อีกครั้งจนทำค่ามลพิษจากหมอกควันไฟป่ามาอยู่ในขั้นวิกฤติอีกครั้ง
จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ เมื่อเวลา 7 นาฬิกาค่ามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีอนุภาคต่ำกว่า 2.5 ไมครอน หรือค่า PM2.5 มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ณ สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ต.ช้างเผือก อ.เมือง วัดได้ 130 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง วัดได้ 111 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
จากข้อมูลของ เวปไซด์ www.airvisual.com ซึ่งเป็นเวปไซด์วัดคุณภาพอากาศของทั่วโลก พบว่าจากการเปรียบเทียบดัชนีคุณภาพอากาศหรือค่า US AQI จากหัวเมืองใหญ่จากประเทศต่างๆ ทั่วโลกพบว่าค่ามลพิษในอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเวลา 8 นาฬิกา ค่ามลพิษในอากาศของจังหวัดเชียงใหม่พุ่งสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ในระดับผลกระทบหนักที่สุดกับร่างกายมนุษย์ ซึ่งดัชนีคุณภาพอาาศของจังหวัดเชียงใหม่ วัดได้ 226 US AQI ส่วนอันดับ 2 เป็นของเมือง Delhi , India วัดได้ 201 US AQI
ขณะที่ข้อมูลของ CMU CCDC หรือ ศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (Climate Change Data Center Chiang Mai University) ซึ่งรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากทั่งประเทศพบว่า ที่เชียงใหม่เช้านี้ ใตัวเมือง ณ สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ต.ศรีภูมิ อำเภอเมือง วัดค่า PM 2.5 ได้ 410 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และเช้าวันนี้ของจังหวัดเชียงใหม่สูงสุดที่ รพ.วัดจันทร์ อำเภอกัลยานิวัฒนาสูงถึง 884 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่โรงพยาบาลเวียงแหง อ.เวียงแหงวัดได้ 701 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ส่วนสถานการณ์ไฟป่า พบว่าในหลายพื้นที่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง เช้านี้จุดฮอทปอท หรือจุดความร้อนจากไฟป่า และการเผา 9 จังหวัดเหนือ ลดลงมาอยู่ที่ 763 จุด จังหวัดแม่ฮ่องสอนหนักสุด จำนวน 372 จุด รองลงมาเป็นจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 161 จุด และเชียงราย จำนวน 112 จุด
ทางด้านพลตรีบัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือในพื้นที่ 9 จังหวัด แจ้งในกลุ่มคณะทำงานแก้ไขปัญหาหมกควัน และไฟป่าทั้ง 9 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งในวันนี้เป็นวันแรกที่พวกเราปรับแผนการทำงานแก้ไขวิกฤตหมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้กำหนดพื้นที่ปฏิบัติการที่มีเกณฑ์การเสี่ยงสูงของแต่ละจังหวัดโดยลงรายละเอียดไปถึงตำบลโดยมีการประชุมร่วมกันในทุกภาคส่วนโดยมีนายอำเภอและท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยของจังหวัด เป็นผู้ร่วมกันคิดทำ think Tank กำหนดระบบพื้นที่ปฏิบัติการที่มีเกณฑ์การเสี่ยงไฟไหม้ป่า
ในขั้นต่อไปวันนี้ 3เม.ย.62 เราจะจัดกำลังผสมสนธิร่วมกันระหว่างประชาชนจิตอาสา,เพื่อนๆตำรวจ,ทหาร เป็นกลุ่มชุดปฏิบัติการเข้าพื้นที่ดังกล่าวเพื่อทำการป้องกันพื้นที่มีให้เกิดไฟไหม้ป่าและกทำการลาดตระเวนเขต เก็บบันทึกข้อมูลพื้นที่เพื่อเตรียมใช้วางแผนในการแก้ไขพื้นที่เสี่ยงดังกล่าวเพื่อใช้ในการวางแผนระยะยาวของปีต่อไปด้วย
สำหรับการจัดกำลัง ต้องเป็นกลุ่มคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ทนตรากตรำและเดินทางใน พื้นที่ทุรกันดารได้ ในภารกิจ 7 วันเป็นเบื้องต้นตั้งแต่วันนี้วันที่ 3 เมษายน 2562 จนถึงวันที่ 9 เมษายน 2562 ชุดปฏิบัติ การ จะอยู่ในพื้นที่ ,พักแรมในพื้นที่ ดังนั้น เสบียงกรังและน้ำต้องเตรียมไปหรือต้องเตรียมจุดในการส่งกำลังบำรุง ทุกชุดปฏิบัติการ จะต้องมีระบบการติดต่อสื่อสาร เพื่อรายงานสถานการณ์หรือเหตุด่วน มาให้ หน่วยบัญชาการของตน ในพื้นที่ เพื่อแจ้งท่านนายอำเภอในพื้นที่ทราบและร่วมแก้ไขปัญหาเป็นเบื้องต้น รวมถึงต้องชี้จุดไฟไหม้ เพื่อเพิ่มเติมกำลังเข้าไปดับไฟหรือจัดส่ง เฮลิคอปเตอร์ไปทิ้งน้ำดับไฟได้
อย่างมไรก็ตามได้มีการยำไปยังทุกพื้นที่ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 9 จังหวัดภาคเหนือในการปิดป่าห้ามทุกคนเข้าป่าก่อนได้รับอนุยาตทางทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาชนในทุกพื้นที่ห้ามเข้าป่าโดยพละการ หากพบอาจจะมีความผิดถูกดำเนินคดี ถือเป็นมาตรการเข้มข้นที่นำกฏหมายมาบังคับใช้
ทั้งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เองก็ยังมีรายงานการเกิดไฟป่าในหายพื้นที่ ซึ่งได้มีการเสริมกำลังทหาร เข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ไฟป่า และจิตอาสาในพื้นที่เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อ อาทิ
บริเวณ บ้านโป่งแยงใน ม. 1 ต. โป่งแยง อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่ หน่วยดับไฟป่าเคลื่อนที่แม่แมะ เข้าดับไฟเสียพื้นที่ป่าไป 10 ไร่
ที่บริเวณ ต.บ้านปง,ต.น้ำแพร่ ขอรายงานพื้นที่เกิดไฟป่า จำนวน 2จุด จนท.ชุดดับไฟป่าออบขาน,อช.ออบขาน,กำนัน/ผญบ.และชวนบ้านในพื้นที่ เข้าควบคุมไฟป่าไว้ได้เสียพื้นที่ประมาณ 4 ไร่