
สำนักงานเจ้าท่าจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีชาวบ้านพบมีกลุ่มคนขับเจ็ทสกีลักษณะแข่งกันในแม่น้ำปิงสร้างความเดือดร้อนลำคาญให้ชาวบ้าน เบื้องต้นถือว่ามีความผิดขอตรวจสอบหากพบว่าไม่มีทะเบียน และใบอนุญาติขับขี่ก็มีความผิดเพิ่มจากการสร้างความเดือดร้อนลำคาญ เผยตั้งแต่ปี 63 เชียงใหม่มีเจ็ทสกีมาขอขึ้นทะเบียนเพียง 1 คันเท่านั้น
จากรณีที่มีชาวเชียงใหม่ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำปิง ในพื้นที่ตำบบลสันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แชร์ภาพลงเพจข่าวที่ชื่อว่า เพจ กูรูเชียงใหม่ เรื่องเชียงใหม่กูรู้ ซึ่งในคลิปภาพเป็น การนำเจ็ทสกี มาขับขี่ในแม่น้ำปิง ช่วงดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์(7 สิงหาคม) ที่ผ่านมา โดยมีลักษณะที่มีผู้ขับขี่เจ็ทสกีสองลำ ขับขี่อย่างรวดเร็วส่งเสียงดังและมีลักษณะเหมือนกับการเร่งเครื่องแข่งกันอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจว่าจะส่งเสียงรบกวนชาวบ้านที่อยู่ริมแม่น้ำปิง รวมทั้ง ชาว้บนที่หาปลาริมตลิ่ง ทั้งที่ตกปลา และใช้เรือเล็กหาปลาอยู่ เนื่องจากช่วงที่มีการใช้ความเร็วก็จะเกิดคลื่นแรงกระแทกเข้ามาสองฝังแม่น้ำปิง ที่ผ่านมาในแม่น้ำปิงก็จะพบว่าไม่มีการใช้เรือที่มีความเร็วที่จะกระทบกับระบบนิเวศน์ 2 ฝั่งแม่น้ำปิงจากคลื่นน้ำที่เกิดจากเรือ
ล่าสุดวันนี้ทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว เบื้องต้น นายพงษ์ธร ชำนิกุล ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเชียงใหม่ เผยว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้มีความผิดเพราะส่งเสียงดังสร้างความรำคาญให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้ได้มีการตรวจสอบใบอนุญาตการจดทะเบียนเจ็ทสกี ของจังหวัดเชียงใหม่มีเพียง 1 ลำเมื่อปี 2563 และในปี 2564 นี้ในจังหวัดเชียงใหม่ มีการขอต่อทะเบียนเจ็ทสกีเพียง 2 ลำซึ่งเป็นเรือนที่นำมาจากพื้นที่อื่น และขอต่อทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบท่าเรือบริเวณริมน้ำปิงหาจุดที่เจ็ทสกีสองลำนี้ลงแม่น้ำปิงและติดตามตัวคนขับต่อไป
ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเชียงใหม่ บอกอีกว่าปกติแล้วเรือท่องเที่ยวหรือเรือของชาวบ้านในพื้นที่สามารถใช้เส้นทางแม่น้ำปิงสัญจรได้ตามปกติแต่ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่กรณีเจ็ทสกีสองลำที่ขับเร่งความเร็วแข่งกันในแม่น้ำปิงที่จังหวัดเชียงใหม่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากใครพบเห็นเหตุการณ์ลักษณะนี้สามารถแจ้งตำรวจได้ทันที
ส่วนเรือนที่สามารถนำมาใช้งานในแม่น้ำปิงจะต้องเรือนที่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ผู้ขับขี่ก็จะต้องมีใบอนุญาติขับขี่อย่างถูกต้อง จึงจะสามารถนำเรือมาใช้งานได้ในแม่น้ำปิง แต่จะต้องไม่มีการสร้างความเดือดร้อนลำคาญให้กับชาวบ้านสองฝั่งแม่น้ำปิง
ส่วนเรือนที่เป็นเรือพายหรือเรือในกิจกรรมทางสันทนาการหรือสำหรับการกีฬาที่ไม่มีเครื่องยนต์ก็สามารถใช้งานได้เป็นปกติอยู่แล้ว แต่หากต้องมีการทำกิจกรรมในลำน้ำเช่นการจัดการแข่งขันต่างๆ ก็จะต้องมีการขออนุญาตกับทางเจ้าท่าก่อนจึงจะทำกิจกรรมได้
ขณะที่ชาวบ้านริมแม่น้ำปิงตรงจุดเกิดเหตุ(ขอสงวนนาม) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาไม่เคยพบการนำเจ็ทสกีมาขับขี่ในแม่น้ำปิงมาก่อน จะมีก็เพียงเรือหาปลาขาดเล็กของชาวย้าน และเรือนพายออกกำลังกายบ้าง และก่อนหน้านี้ก็จะมีเรือนนำเที่ยวของเอกชนบ้างแต่ในช่วงโควิดไม่มีนักท่องเที่ยวก็แทบจะไม่มีเรือนนำเที่ยวผ่านไปมาเลย
ส่วนเจ็ทสกีสองลำนี่ก็เพิ่งพบไม่กี่วันที่ผ่าน หากขับขี่ปกติไม่เร่งเครื่องใช้ความเร็วก็ไม่เดือดร้อนอะไรกับชาวบ้าน แต่ที่พบคือมีสองลำเร่งเครื่องเสียงดังและขี่แข่งกันด้วยความเร็วทำให้เกิดคลื่นน้ำซัดเข้ามายังริมตลิ่งไม้จะยังไม่มีผลกระทบอะไรมากแต่ถ้าหากหลายคนเข้าใจว่าทำได้แล้วมีคนนำมาขี่กันมากขึ้นเชื่อว่ามีผลกระทบกับริมตลิ่งที่อาจเกิดการทรุดตัวได้แน่นอน