เชียงใหม่สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นละอองดีขึ้นเล็กน้อย หลังมีกระแสลมพัดแรงช่วงคืนที่ผ่านมา แต่ตัวเมืองยังถูกควันคลุมทึบ ค่ามลพิษอากาศแย่อยู่อันดับ5ของโลก
วันนี้(19 มี.ค.62)รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า แม้ว่าช่วงคืนวานนี้จะเกิดกระแสลมพัดแรงในหลายพื้นที่และฝนตกเล็กน้อยในบางพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้สถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงเกินค่ามาตรฐานบรรเทาความรุนแรงลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามสภาพตัวเมืองเชียงใหม่ช่วงเช้าวันนี้ยังถูกปกคลุมด้วยหมอกควันหนาทึบและค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กยังคงสูงเกินค่ามาตรฐาน อยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ ในตำบลช้างเผือก,ตำบลศรีภูมิ และตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กPM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.0 น.วันนี้ อยู่ที่ 85ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 71 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 56 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 59ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ซึ่งยังสูงเกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร แต่ถือว่าดีขึ้นกว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนข้อมูลจากเว็บไซต์ www.airvisual.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ตรวจวัดคุณภาพอากาศของทั่วโลกและทำการเปรียบเทียบระหว่างเมืองต่างๆ ทั่วโลก พบว่าเมื่อเวลา 09.50 น.วันนี้(19 มี.ค.62) ค่ามลพิษอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ ดีขึ้นจากช่วงหลายวันก่อนหน้านี้ที่ครองอันดับ 1 มาตลอด โดยล่าสุดวัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศได้ 176 US AQI อยู่ที่อันดับ 5 ของโลก ขณะที่อันดับ 1 เป็นของเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน วัดาดัชนีคุณภาพอากาศได้ 197 US AQI
สำหรับมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาของจังหวัดเชียงใหม่นั้น ยังคงมีการเข้มงวดการเข้าออกพื้นที่ป่าและควบคุมไม่ให้มีการเผาอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันมีการฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศอย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้รถบรรทุกน้ำฉีดพ่นทั่วพื้นที่วันละหลายรอบ โดยเฉพาะพื้นที่โครงการก่อสร้าง รวมทั้งการได้รับสนับสนุนเครื่องบินจากกองทัพอากาศในการปฏิบัติการบินโปรยละอองน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นในเขตชุมชนเมืองวันละ 2 เที่ยวบิน ซึ่งจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์ปัญหาจะคลี่คลาย นอกจากนี้การประปาส่วนภูมิภาคเชียงใหม่ได้ดำเนินการติดตั้งระบบฉีดพ่นละอองน้ำที่บริเวณสะพานนวรัฐ และประตูท่าแพ รวมทั้งกำลังพิจารณาจุดต่างๆ ที่เหมาะสมด้วย.
