
หนามาก! หมอกควันคลุมทึบทั้งเมืองเชียงใหม่ตามคาดว่าลมจะพัดมาจากเพื่อนบ้าน ค่าดัชนีคุณภาพอากาศพุ่ง 495 US AQI ครองอันดับ 1 ของโลก ขณะที่ PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานหลายเท่าตัว เตือนประชาชนระวังสุขภาพ พร้อมระดมฉีดพ่นน้ำเพิ่มชุ่มชื้นวันนี้(30 มี.ค.62) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่าสภาพตัวเมืองเชียงใหม่ตั้งแต่ช่วงเช้าถูกปกคลุมหนาทึบด้วยหมอกควันที่มองเห็นด้วยตาเปล่าเป็นสีขุ่นขาวชัดเจนแม้ในระยะใกล้ ขณะที่ระยะไกลไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเหมือนภาวะปกติ โดยตัวชี้วัดอย่างง่ายๆ คือ ยอดดอยสุเทพที่ถูกหมอกควันบดบังจนไม่สามารถมองเห็นได้ นอกจากนี้หมอกควันที่ปกคลุมอยู่อย่างหนาทึบนั้น ยังมีกลิ่นเหม็นไหม้อย่างชัดเจนอีกด้วย ซึ่งภาวะเช่นนี้เป็นไปตามที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคาดการณ์จากการติดตามภาพดาวเทียมที่พบว่ามีกลุ่มควันหนาแน่นทางประเทศเพื่อนบ้านทางด้าน ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะถูกแสลมพัดเข้ามาปกคลุมจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ และส่งผลให้สถานการณ์หมอกควันทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
ทั้งนี้ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจังหวัดเชียงใหม่จากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ ในตำบลช้างเผือก และตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง กับตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กPM2.5 เฉลี่ยในรอบ24ชั่วโมง ณ เวลา 09.00น. วันนี้ อยู่ที่ 172 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร,168ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 89 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ซึ่งยังคงเกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง
ส่วนรายงานจากเว็บไซต์www.airvisual.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วโลกแบบเรียลไทม์ พบว่าจากการเปรียบเทียบค่าดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ US AQI เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้(30มี.ค.62) จังหวัดเชียงใหม่ มีค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 495 US AQI ซึ่งพุ่งขึ้นสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ขณะที่อันดับที่ 2 เป็นเมือง Delhi , India วัดได้ 192 US AQI และอันดับที่ 3เมือง Kathmandu , Nepal วัดได้ 186 US AQI
ขณะที่ระบบดาวเทียมของ GISTDA ตรวจพบว่าตลอดวันวานนี้(29 มี.ค.62)ยังคงมีจุดความร้อนหรือ HotSpot ที่เกิดจากการเผาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ในพื้นที่ภาคเหนือพบทั้งสิ้น 161 จุด มากที่สุดที่จังหวัดเชียงใหม่ 30 จุด รองลงมาเป็นจังหวัดเชียงราย 2 จุด และจังหวัดแม่ฮ่องสอน 17 จุด ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ รวม 88 จุด
โดยจากสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น ทางจังหวัดเชียงใหม่และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้มีการแจ้งเตือนให้ประชาชนระวังและป้องกันรักษาสุขภาพด้วยการเลี่ยงออกทำกิจกรรมกลางแจ้งและหากจำเป็นให้สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน ขณะเดียวกันมีการระดมฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศตามจุดต่างๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ และทั่วทุกพื้นที่ด้วย ตลอดจนเน้นย้ำมาตรการควบคุมการเผาและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เผาป่าด้วย
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งด้วยว่าจากสถานการณ์ปัญหาที่รุนแรงอีกครั้ง ช่วงสายวันนี้(30 มี.ค.62) นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือและวางมาตรการเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาและคลี่คลายสถานการณ์อย่างเร่งด่วน.