เปิดใจ!พ่อเด็กชายวัย13 ขี่บิ๊กไบค์อุบัติเหตุชนกระเด็นยอมรับเจ็บหนัก แต่ไม่ถึงขั้นขาขาดตามที่โซเชียลแชร์ แค่ข้อเท้าและกระดูกเท้าหักต้องผ่าตัดด่วนและรักษาตัวนาน ยืดอกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์สุดวิสัยเช่นนี้ ยืนยันให้ลูกชายเข้าคอร์สขับขี่ระดับสูงแล้ว พร้อมวอนขอความเห็นใจวิจารณ์ได้แต่อย่าพาดพิงลูกชายแรงเกินขอบเขต7feb30df32f7e6be8c756630f5a04d7e.jpgจากกรณีที่ช่วงเย็นวันที่ (6 ก.ค.62) เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์คันหนึ่งที่ขับมาทางตรงแล้วเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ที่ขับออกมาจากข้างทางตัดหน้า และเสียหลักไปชนเข้ากับรถยนต์อีกคันที่สวนทางมาบริเวณถนนเชียงใหม่-แม่ออน หน้าตลาดศรีอรุณ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้รถที่เกิดเหตุทั้งหมดได้รับความเสียหายอย่างหนัก และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน ซึ่งกลายเป็นกระแสโด่งดังในโซเชียลมีเดียbf41b31cdeb3b71ab9c19177d6a1e13c.jpg เนื่องจากมีผู้เผยคลิปภาพในช่วงเกิดเหตุการณ์ที่เห็นการชนกันอย่างรุนแรง และทราบต่อมาในภายหลังว่าคนขับรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์นั้น เป็นเด็กผู้ชายอายุ 13 ปี โดยมีการระบุด้วยว่าได้รับบาดเจ็บจนขาขาดกระเด็นในช่วงที่เกิดการชน ทำให้มีผู้แสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการที่ผู้ปกครองอนุญาตให้เด็กขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์จนเกิดเหตุดังกล่าวd9bfbbf1ee86ce9ae41825f8a567ad3f.jpgผู้สื่อข่าวรายงานแจ้งว่า วันนี้(8 ก.ค.62) จากการตรวจสอบทราบว่า นายสุวิทย์ เทพาขันธ์ อายุ 54 ปี เป็นพ่อของเด็กชายคนขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์คันที่เกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งเปิดเผยว่า ในช่วงก่อนเกิดเหตุลูกชายกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์คันดังกล่าวจากสวนกลับบ้านที่ตามเส้นทางดังกล่าวแ ซึ่งหลังจากที่ลูกชายขับรถออกไปได้สักพักมีผู้แจ้งว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุจึงรีบไปดูทันที พบว่าลูกชายยังมีสติดีและเจ้าหน้าที่ช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที โดยในที่เกิดเหตุลูกชายเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่ามีรถจักรยานยนต์ขับออกมาจากข้างทางตัดหน้า ซึ่งพยายามหลบหลีกแล้วแต่ไม่พ้นจนเกิดอุบัติเหตุ9c27e05b92cd01450fae33b6b472b8a5.jpgสำหรับอาการของลูกชายนั้น เวลานี้ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โดยได้รับบาดเจ็บกระดูกข้อเท้าด้านซ้ายหักและกระดูกเท้าซ้ายเปิด เป็นแผลฉกรรจ์ ซึ่งได้รับการผ่าตัดตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ และวันนี้จะต้องรับการผ่าตัดรักษาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ยืนยันว่าลูกชายไม่ได้ขาขาดตามที่เป็นกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียแต่อย่างใด และน่าจะรักษาจนกลับมาหายเป็นปกติได้ ขณะที่สภาพจิตใจของลูกชายยังมีกำลังใจดี เข้มแข็ง และยิ้มแย้มได้เป็นปกติ อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงรักษาตัวจนกว่าจะหายนั้น น่าจะต้องหยุดเรียนไป 1 ภาคเรียน387a8ea0b3a3054d06b4e0fabb7fdd39.jpgส่วนกรณีที่โซเชียลมีเดียแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกรณีที่ให้ลูกชายอายุเพียง13ปีขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์นั้น นายสุวิทย์ บอกว่า เสียใจและขอโทษที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแล้วทำให้หลายคนอาจจะไม่สบายใจ ซึ่งทุกคนสามารถสามารถแสดงความคิดเห็นได้เพียงแต่ขอวิงวอนให้อยู่ในขอบเขตและคำนึงถึงสภาพจิตใจของลูกชายตัวเองบ้าง ทั้งนี้ยืนยันว่าก่อนที่จะยินยอมให้ลูกชายขับขี่และซื้อรถให้นั้น ได้มีการทำความเข้าใจตกลงกันแล้วให้ลูกชายปฏิบัติตามกฎและยอมรับความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งได้มีการเข้าคอร์สเรียนการขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ทั้งขั้นพื้นฐานและขั้นสูงจนมีความชำนาญในการขับขี่พอสมควร รวมทั้งเคยลงแข่งมาแล้วหลายสนามและได้รางวัลด้วย โดยใช้รถคันที่เกิดเหตุลงแข่ง859effcf5e2184399b925904df827938.jpgทั้งนี้ในส่วนของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเหตุสุดวิสัยที่ตัวเองไม่อยากให้เกิดขึ้นเช่นกัน และเสียใจที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ส่วนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ฝ่ายใดจะผิดหรือถูกนั้น โดยส่วนตัวไม่ขอออกความคิดเห็นใดๆ ขอให้เป็นไปตามพยานหลักฐานและเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ซึ่งหากลูกชายของตัวเองเป็นฝ่ายผิดก็พร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่างเต็มที่