
“เผายา-สุมสมุนไพร” รักษาโรคส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นการใช้สมุนไพรไทยของชุมชนบ้านป่าแก
วิสาหกิจชุมชนบ้านป่าแก ร่วมกับศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ ส่งเสริมการใช้สมุนไพรไทย สืบสานมรดกแห่งภูมิปัญญาไทยพื้นบ้านให้คงอยู่ โดยเฉพาะการเผา-อบสมุนไพรไทยรักษาอาการป่วย
ชาวบ้านซึ่งเป็นสมาชิกวิสาหกิจชุมชนบ้านป่าแก ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้รับการส่งเสริม เพิ่มพูนความรู้ในเรื่องสมุนไพร จากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วยกันสืบสานมรดกแห่งภูมิปัญญาไทยพื้นบ้าน โดยในครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ชาวบ้านในชุมชนและหมู่บ้านใกล้เคียง มาทดลองรับบริการรักษาด้วยสมุนไพรมาในแบบแพทย์แผนโบราณฟรี เช่น พอกเข่า เผายาท้อง เผายาเข่า รวมทั้งการนำสมุนไพรมาใช้ในการผ่อนคลายและเสริมความงาม เช่น พอกตา พอกหน้า สุมสมุนไพร อบสมุนไพร ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี
นางสาวณัฐพรรณ บุญมาเรือง ครู กศน. ตำบลฟ้าฮ่าม ผู้ดูแลโครงการนี้เปิดเผยว่า การเผายา เป็นศาสตร์การรักษาตามฉบับแพทย์แผนโบราณ บรรเทาอาการไม่สบายของร่างกาย ปรับสมดุลธาตุ เป็นการนำสมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหยซึ่งส่วนใหญ่จะมีรสเผ็ดร้อน จึงมีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือด ช่วยลดอาการปวด และคลายกล้ามเนื้อได้ดี อาทิ ขมิ้นชัน, ไพลสด, ข่า, ตะไคร้, ผิวมะกรูด, ขิง มาสับให้ละเอียด คลุกกับการบูรให้เข้ากันดี นวดน้ำมันไพลบริเวณที่จะเผาไฟเพื่อเตรียมผิวให้พร้อมและไล่ลม ก่อนใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ม้วนแล้ววางเป็นกรอบรอบบริเวณที่จะเผาไฟรักษาโรค ใส่สมุนไพรที่จะเผาลงไปให้เต็มช่องที่ล้อมด้วยผ้าขนหนูไว้ เกลี่ยสมุนไพรให้เสมอกัน จุดไฟ แล้วรอจนผู้ป่วยรู้สึกร้อนจึงใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำคลุมเพื่อดับ ทำซ้ำกัน 3 รอบ ซึ่งความร้อนจากเปลวไฟอุ่นๆ จะทำให้ตัวยาซึมเข้าสู่ร่างกายได้ตรงจุดและรวดเร็วกว่าการกินยา โดยหลักๆ แล้วการเผายาจะเน้นไล่ลมในเส้นเลือด เพื่อบรรเทาอาการเลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้อากาศ หอบหืด อาการปวดเมื่อยเนื้อตัว อาการสะบัดร้อนสะท้านหนาว หรือแม้แต่อาการท้องผูกก็ช่วยได้ สามารถเผายาได้ในบริเวณที่มีกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แผ่นหลัง ขา หรือเฉพาะจุด เช่น หัวเข่า หน้าท้องบริเวณรอบสะดือ อันเป็นจุดกำเนิดของเส้นประธานสิบตามหลักแพทย์แผนไทย
ส่วนอีกอย่างที่น่าสนใจคือการสุมหน้าด้วยยาสมุนไพร โดยจะนำสมุนไพรชุดต้มยำ คือ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ผิวมะกรูด ใบกระเพราะแดง ใบฟ้าทะลายโจร มาต้มในน้ำจนเดือด ตักใส่ถ้วย นำมาสูดดมไอระเหยแบบร้อนๆ โดยเอาผ้าขนหนูคลุมหัวเป็นกระโจมให้มิด เอาหน้าชิดถ้วยมากที่สุด เอาไอระเหยเข้าทางปาก แล้วหายใจออกทางจมูก ประมาณ 5-10 นาที การทำเช่นนี้จะช่วยเรื่องการขับเสมหะ ละลายเสมหะที่อยู่ในปอด หายใจได้โล่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคโควิด19 ที่มีปัญหาเรื่องระบบหายใจและเสมหะจากอาการลองโควิด เพราะสมุนไพร จะช่วยสมานแผลในปอดที่มาจากร่องรอยของโรคโควิด-19 นอกจากนี้สรรพคุณของสมุนไพรต่างๆ ยังจะช่วยป้องกันสกัดกั้นการกระจายของโควิดที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ซึ่งสามารถประยุกต์ทำเองได้ง่ายๆ ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งจะดีมากๆ
สมุนไพรไทย เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าและสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น มีสรรพคุณเป็นประโยชน์หลายด้าน แต่ต้องไม่ลืมว่าสมุนไพรแต่ละชนิด นอกจากจะมีผลดี ยังมีข้อจำกัดในการใช้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องศึกษาอย่างละเอียดหรือได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วย