เพจชื่อดังโพสต์ขอความช่วยเหลือให้สองลุงป้าเชียงใหม่ ถูกสารพัดปัญหาชีวิตถาโถม เผยเกือบปลิดชีวิตหนีปัญหา(มีคลิป)

เพจชื่อดังโพสต์ขอความช่วยเหลือให้สองลุงป้าเชียงใหม่ ถูกสารพัดปัญหาชีวิตถาโถม จ่อถูกไล่ออกจากห้องที่เปิดร้านขายอาหารตามสั่งเลี้ยงดูครอบครัวเพราะค้างค่าเช่าหลายเดือน เหตุทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุรถล้มบาดเจ็บทำให้ต้องปิดร้าน ต่อมาเคราะห์ซ้ำฝ่ายป้าถูกตรวจพบป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายต้องดูแลใกล้ชิดและต้องเทียวไปโรงพยาบาลรักษาตัว แถมต้องกู้เงินนอกระบบมาประทังชีพ เครียดหนักจนเกือบตัดสินใจปลิดชีวิตจบปัญหา แต่โชคดีเพจชื่อดังยื่นมือช่วยโอนเงินให้ทันทีเบื้องต้น 30,000 บาท นำไปจ่ายค่าเช่าที่ค้างและทำทุนต่อ ทั้งลุงป้าเผยสุดซาบซึ้ง พร้อมลั่นจะต่อสู้ชีวิตต่อไปให้ถึงที่สุด

จากกรณีที่เพจชื่อดัง “แหม่มโพธิ์ดำ” ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวการให้ความช่วยเหลือคุณลุงคุณป้าที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีอาชีพเปิดร้านขายอาหารตามสั่งอยู่ในซอยวัดอุโมงค์ หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัวและหมุนเวียน จนต้องปิดร้านขายอาหาร และติดค้างค่าเช่าห้องที่ใช้เปิดร้านหลายเดือนเป็นเงินหลายหมื่นบาท เพราะก่อนหน้านี้ทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุรถล้มแขนหัก ขณะที่ตัวคุณลุงสุขภาพไม่ดี และล่าสุดพบว่าคุณป้าป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย กระทั่งล่าสุดทางเจ้าของห้องเช่าเปิดร้านได้ยื่นคำขาดให้ย้ายข้าวของออกโดยขีดเส้นตายภายในเช้าวันที่ 1 ก.พ.61 โดยทางเพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” ได้ให้การช่วยเหลือด้วยการโอนเงินให้ตั้งแต่วานนี้(31 ม.ค.61) จำนวน 30,000 บาท เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นเพื่อนำไปจ่ายค่าเช่าที่ค้าง และใช้เป็นทุนในการเปิดร้านขายอาหารตามสั่งต่อไป พร้อมเชิญชวนผู้คนให้ความช่วยเหลือ

วันนี้(1 ก.พ.61)จากการตรวจสอบพบว่าคุณลุงคุณป้าดังกล่าวคือนายชิวนพ สุวรรณวัฒน์ อายุ 69 ปี หรือ “ลุงเชฟโจ” และนางรัชนีวรรณ์ สุวรรณวัฒน์ อายุ 62 ปี หรือ “ป้าตุ๊” ซึ่งเปิดร้านขายอาหารตามสั่งชื่อร้าน “ครัวเชฟโจ” แต่ช่วงนี้ยังคงปิดร้านเนื่องจากปัญหาที่ประสบ โดยทั้ง “ลุงเชฟโจ” และ “ป้าตุ๊” เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจและซาบซึ้งใจอย่างมากที่ได้รับความช่วยเหลือจาก “แหม่มโพธิ์ดำ” เพราะก่อนหน้านี้ถอดใจยอมแพ้และเกือบตัดสินใจฆ่าตัวตายแล้ว เพราะไม่มีเงินไปจ่ายค่าเช่าร้านที่คงค้างกว่า 3 เดือน เป็นเงินกว่า 20,000 บาท และหนี้สินจากการกู้นอกระบบมาใช้จ่ายในช่วงที่ไม่ได้เปิดร้าน รวมทั้ง“ป้าตุ๊” ยังป่วยเป็นมะเร็งมดลูกระยะสุดท้ายอีกด้วย ต้องหาเงินใช้จ่ายในการรักษาตัวและไม่มีเงินซื้อวัตถุดิบมาเปิดร้านขายอาหาร จนกระทั่งวานนี้(31 ม.ค.61) ได้แอบไปเปิดร้านขายด้วยของเท่าที่มีในช่วงที่เจ้าของห้องเช่าไม่อยู่ เพื่อหวังจะหาเงินได้เล็กๆ น้อยๆ สำหรับพา “ป้าตุ๊” ไปโรงพยาบาลในวันนี้เพื่อรับการทำเคมีบำบัดครั้งที่ 5

โดยในช่วงที่เปิดร้านได้มีลูกค้าประจำรายหนึ่งมาใช้บริการ จึงได้แจ้งว่าวัตถุดิบที่มีไม่ครบและจะเปิดร้านเป็นวันสุดท้ายแล้ว เนื่องจากค้างค่าเช่าและไม่มีเงินจ่าย ปรากฏว่าลูกค้ารายดังกล่าวได้มีการนำเรื่องราวของตัวเองไปแจ้งให้ทาง “แหม่มโพธิ์ดำ” ทราบ และหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ด้วยการโอนเงินมาให้ 30,000 บาท เพื่อนำไปจ่ายค่าเช่าที่ค้าง และทำทุนเปิดร้านขายต่อ ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวถือว่าช่วยชีวิตตัวเองทั้งคู่และลูกชายอีกคนที่เป็นโรคสมาธิสั้นได้อย่างมาก รวมทั้งทำให้พอมีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป โดยทันทีที่ได้รับโอนเงินมาเมื่อคืนนี้ได้ไปจ่ายค่าเช่าที่ค้าง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เริ่มขนย้ายข้าวของบางส่วนออกมาเพราะทางเจ้าของห้องเช่ายื่นคำขาดไว้ และเตรียมใช้ทำทุนเปิดร้านขายอาหารต่อสู้ชีวิตต่อไป ซึ่งน่าจะเปิดร้านในวันพรุ่งนี้(2 ก.พ.61) เนื่องจากวันนี้ “ลุงเชฟโจ” ต้องพา “ป้าตุ๊” ไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัดครั้งที่ 5

สำหรับร้านขายอาหารตามสั่งของ “ลุงเชฟโจ” และ “ป้าตุ๊” นั้น ปกติเริ่มเปิดขายตั้งแต่เวลา 17.00 น.ไปจนถึงช่วงดึก ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านดังกล่าว โดย “ลุงเชฟโจ” จะเป็นผู้ปรุงอาหารด้วยตัวเอง เพราะพอจะมีฝีมือในการทำอาหารทั้งอาหารไทยและอาหารสไตล์ยุโรปจากการที่เคยไปใช้ชีวิตในต่างประเทศช่วงเป็นหนุ่ม ขณะที่ “ป้าตุ๊” เป็นผู้ช่วย ซึ่งในช่วงที่เปิดร้านมีลูกค้าประจำพอสมควรเพราะราคาไม่แพง และลูกค้าให้การยอมรับว่ารสชาติดี โดยที่ผ่านมามีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายพอเลี้ยงครอบครัวแบบไม่ถึงกับสบายแต่ก็ไม่ลำบากมากนัก จนกระทั่งประสบปัญหาอย่างหนักในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งนี้จากนี้จะเริ่มต้นกลับมาเปิดร้านขายอาหารตามสั่งอีกครั้ง ด้วยความหวังแค่เพียงให้มีเงินพอใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ “ป้าตุ๊” และดูแลลูกชายที่เป็นโรคสมาธิสั้นให้เรียนจบจนช่วยเหลือตัวเองได้ รวมทั้งใช้หนี้เงินกู้นอกระบบจำนวน 20,000 บาท ที่ต้องจ่ายรายวันๆ ละ 400 บาท มาเกือบปีแล้วให้หมดเท่านั้น ซึ่งผู้ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือสามารถโอนเงินไปได้ที่ชื่อบัญชี นางรัชนีวรรณ์ สุวรรณวัฒน์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาท่าแพ หมายเลขบัญชี 501-416368-8 .

(ดูคลิป)