เหยื่อบริษัทหลอกลงทุนเหมืองขุดคริปโตฯ เชียงใหม่ แห่เข้าร้องทุกข์ DSI ไม่ขาดสาย เผบ”นาย ป.”เจ้าของบริษัทเพิ่งนัดกลุ่มVIPที่ลงทุนตั้งแต่หลักล้านเบื้องต้น 300 รายจากกว่า1,500ราย เข้าเจรจาเมื่อ21ส.ค.65 ก่อนหายตัวเข้ากลีบเมฆ พบบางรายทุ่มหนักถึง50ล้าน
วันนี้(25ส.ค.65) ที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มผู้เสียหายจากการร่วมลงทุนกับบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่อ้างว่าดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลหรือ คริปโตเคอร์เรนซี่ (Cryptocurrency) และทำเหมืองขุด Bitcoin ยังคงทยอยเดินทางนำเอกสารหลักฐานเข้ายื่นร้องทุกข์อย่างต่อเนื่อง โดยมีเรืออากาศตรีกิตติคม คงสมโภชน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 พร้อมเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมกันรับเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้เสียหายที่ต้องการให้ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษเนื่องจากเชื่อว่าทุกบริษัทดังกล่าวหลอกให้ร่วมลงทุนในลักษณะของแชร์ลูกโซ่และไม่ได้รับเงินปันผลตามสัญญา รวมทั้งไม่ได้รับเงินต้นคืน มีมูลค่าความเสียหายต่อรายตั้งแต่หลักหมื่นบาทไปจนถึงหลักล้านบาท โดยจนถึงล่าสุดพบผู้เข้าร้องทุกข์ได้รับความเสียหายต่อรายมากที่สุด 2.9ล้านบาท ซึ่งในช่วง 2 วันที่ผ่านมานี้มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์แล้วเบื้องต้นหลายสิบรายและมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งมีผู้เสียหายที่เข้าร้องทุกข์ กับกรมสอบสวนคดีพิเศษที่กรุงเทพฯ และ พื้นที่ต่างๆทั่วประเทศอีกเป็นจำนวนมาก หากรวบรวมแล้วมีผู้เสียหายรวม300คน และมูลค่าเงินรวม100ล้านบาทขึ้นไป ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษก็พร้อมรับดำเนินการเป็นคดีพิเศษ
ทั้งนี้ผู้เสียหายรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ตัวเองเริ่มลงทุนกับบริษัทดังกล่าวนี้ตั้งแต่ มิ.ย.64 ตามคำโฆษณาเชิญชวนทางโซเชียลมีเดียของ “นาย ป.”ผู้ก่อตั้งบริษัทดังกล่าว ที่ผ่านมาได้รับเงินปันผลโอนเข้าบัญชีตรงตามสัญญามาโดยตลอด ทำให้เกิดความเชื่อถือและลงทุนเพิ่มเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันมียอดเงินที่ลงทุนไว้กับบริษัทเฉพาะในส่วนของทุน 2.4ล้านบาท ซึ่งในช่วงประมาณ 2 เดือนมานี้พบว่าทางบริษัทเริ่มมีปัญหาไม่ได้จ่ายเงินปันผลให้และไม่สามารถถอนเงินต้นคืนได้ด้วย โดยทาง “นาย ป.” เจ้าของบริษัทอ้างว่า บริษัทประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักจากการทำธุรกิจสกุลเงินดิจิทัลและเหมืองขุดคริปโตฯ แต่จะกำลังพยายามแก้ไขปัญหาและเร่งนำเงินมาคืนให้ ทั้งนี้ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ส.ค.65 ที่ผ่านมา “นาย ป.” ได้เชิญผู้ลงทุนที่ลงทุนต่อรายมากว่า 1 ล้านบาท เบื้องต้นจำนวนประมาณ 300 คน ซึ่งทุกคนเป็นสมาชิกในห้องVIPที่มีสมาชิกกว่า1,500คนและต้องจ่ายเงินค่าสมาชิกคนละ19,900บาท เข้าพบที่บริษัทและเป็นบ้านพักของ “นาย ป.”ในหมู่บ้านหรู ตำบลท่าศาลา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยชี้แจงเหตุผลต่างๆ นานา และยืนยันว่าจะเร่งคืนเงินให้ พร้อมให้สมาชิกแต่ละรายรวบรวมข้อมูลนำส่งให้บริษัทเพื่อดำเนินการ แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นเป็นต้นมา “นาย ป.” ได้หายตัวไปพร้อมทั้งครอบครัวและไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้ กลุ่มผู้ลงทุนที่ได้รับความเสียหายเริ่มรวมตัวกันเคลื่อนไหวเรียกร้อง
ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่ามีผู้เสียหายรวมหลายพันคนเพราะเพียงสมาชิกในห้องVIPที่ลงทุนมีแล้วไม่ต่ำกว่า 1,500 คน และน่าจะมีมูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท โดยเท่าที่ทราบมีผู้เสียหายบางรายลงทุนไปมากถึง 50 ล้านบาทเลยทีเดียว ขณะเดียวกันมีข้อมูลว่าก่อนหน้าที่ “นาย ป.”จะหายตัวไปได้พยายามถอนเงินจำนวนมากจากบัญชีธนาคารบัญชีหนึ่งของ “นาย ป.”อ้างว่าจะนำไปใช้จ่ายท่องเที่ยวกับครอบครัวที่ประเทศแคนาดา แต่ธนาคารสามารถให้เบิกได้เพียง 3 ล้านบาทเท่านั้น และยังมีเงินคงเหลือในบัญชีประมาณ30ล้านบาท
