Xv7lwQ.jpg
ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ระบุ “บ้านป่าแหว่ง” ถูกฝนถล่มทำดินสไลด์และตัวอาคารทรุดแตกร้าว เป็นบทพิสูจน์จากธรรมชาติชี้ชัดให้เห็นว่าเป็นการนำพื้นที่ป่าไปใช้ก่อสร้างโครงการอย่างไม่เหมาะสม เผยภาคประชาชนลุยปลูกป่า2เดือนเศษ พบธรรมชาติฟื้นตัวดีต่อเนื่อง เริ่มมีสัตว์ป่าทั้งหมูป่าและนกยูงเข้าหากินXv7bIV.jpg
Xv7oDS.jpg
Xv7DJn.jpg
จากกรณีเมื่อวันที่ 14 ส.ค.65 เพจเฟซบุ๊ค “เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ” โพสต์ภาพสภาพล่าสุดของบ้านพักข้าราชการศาลอุทธรณ์ภาค 5 หรือ “บ้านป่าแหว่ง” เชิงดอยสุเทพ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยพบว่าหลังจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดฝนตกอย่างหนัก ส่งผลให้โครงสร้างและตัวอาคารของบ้านพักดังกล่าว ที่ทางกรมธนารักษ์ได้รับการส่งมอบคืนพื้นที่ส่วนแรกแล้วในส่วนของบ้านพัก 45 หลัง เกิดรอยแยกและแตกร้าวเป็นแนวยาว พร้อมบรรยายข้อความว่า “เปิดภาพล่าสุด!! ตรวจพบโครงสร้างบ้านพักตุลาการ เกิดรอยทรุดบริเวณโครงสร้างฐานของตัวบ้านเกิดเป็นรอยแยกแตกร้าวเป็นแนวยาว เนื่องจากฝนตกติดต่อกันในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลาหลายวัน จึงทำให้พื้นดินบริเวณนั้นสไลด์และทรุดตัวลงมา” ทั้งนี้โพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเชียงใหม่ไม่คัดค้านโครงการดังกล่าวที่ต่างระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่เหมาะสมที่จะก่อสร้างบ้านพักอยู่แล้ว พร้อมบอกด้วยว่าธรรมชาติกำลังลงโทษXv7Phg.jpg
Xv7sEW.jpg
วันนี้(16 ส.ค.65) นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาส่งผลทำให้ขอบดินที่อยู่ด้านบนสุดของ “บ้านป่าแหว่ง” เกิดการสไลด์ตัวลงมา ขณะที่บ้านพักหลายหลัง โดยเฉพาะหลังที่อยู่ด้านบนสุด เกิดความเสียหายตัวอาคารแตกร้าวเป็นทางยาวและแยกออกจากกันอย่างชัดเจน รวมทั้งพื้นบริเวณฐานของตัวอาคารเกิดการทรุดตัว ด้วย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งจากธรรมชาติที่ตอกย้ำและชี้ให้เห็นชัดเจนว่าพื้นที่ป่าดอยสุเทพที่อุดมสมบูรณ์และมีความลาดชันเช่นนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะถูกนำมาใช้เป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการบ้านพักดังกล่าวตั้งแต่แรกแล้วXv72V2.jpg
Xv7uY1.jpg
Xv76iy.jpg
ส่วนการปลูกป่าฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิมนั้น ตั้งแต่เดือน มิ.ย.65 ทางเครือข่ายฯและภาคประชาชน รวมทั้งทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันทำการปลูกป่าในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และเริ่มเห็นผลว่าธรรมชาติมีการฟื้นฟูขึ้นตามลำดับ มีการพบเห็นสัตว์ป่าหลายชนิดอย่างเช่น หมูป่าและนกยูง เป็น เข้ามาหากินในพื้นที่ ซึ่งเตรียมที่เสนอให้มีการทุบรื้อรั้วคอนกรีตรอบโครงการออกไป เพื่อให้สัตว์ป่าสามารถเข้ามาหากินได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าหากมีการปลูกป่าฟื้นฟูเช่นนี้ต่อเนื่องไปประมาณ 5 ปี น่าจะทำให้สภาพป่ากลับไปมีความอุดมสมบูรณ์ใกล้เคียงของเดิมมากที่สุดXv7nuD.jpg
Xv7rM9.jpg
อย่างไรก็ตามผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ยืนยันว่า ทางเครือข่ายฯ ยังคงย้ำจุดยืนชัดเจนแน่วแน่ที่ต้องการจะให้ทำการรื้อถอนอาคารบ้านพักทั้งหมดออกไปจากพื้นที่ป่า ซึ่งกำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ในส่วนของแผนการบริหารจัดการพื้นที่นั้น เบื้องต้นอาจจะยังไม่ชัดเจนนัก เนื่องจากเวลานี้อยู่ระหว่างที่ทางกรมธนารักษ์กำลังบริหารจัดการในเรื่องครุภัณฑ์ของ “บ้านป่าแหว่ง” แต่ใกล้จะเสร็จแล้ว และน่าจะมีการมอบพื้นที่ดังกล่าวนี้ให้ไปอยู่ในความดูรับผิดชอบของทางมณฑลทหารบกที่ 33 ต่อไป จากนั้นทุกอย่างน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น