แก๊งเงินกู้เชียงใหม่ดุจัด บุกขว้างถุงเลือดหมูสดๆ ใส่บ้านหลังสาวผิดนัดจ่ายหนี้รายวัน

แก๊งเงินกู้เชียงใหม่ดุ!สาวผิดนัดจ่ายรายวันหนี้แค่พันกว่าบาท ยกพวกบุกตั้งแต่เช้ามืดขว้างถุงเลือดหมูสดๆ ใส่บ้านพ่อแม่ลูกหนี้ สาดกระจาย ทั้งเละทั้งเลอะ กลิ่นคาวคละคลุ้ง เจ้าของบ้านน้ำคลอเพิ่งเก็บเงินสร้างเสร็จเข้าอยู่ไม่ถึงปีรายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่าช่วงเช้ามืดวันนี้(13 ก.ค.62) เกิดเหตุคนร้ายเป็นชายประมาณ4-5คน ร่วมกันนำถุงบรรจุเลือดหมูบุกเข้าไปในบ้านพักหลังหนึ่งในอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ แล้วขว้างปาใส่ตัวบ้านและบริเวณบ้าน จนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดงกระจายทั่วจุดต่างๆ ของบ้าน รวมทั้งคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาว ซึ่งสร้างความตื่นตกใจและหวาดกลัวให้กับเจ้าของบ้านเป็นอย่างมาก เพราะอาศัยอยู่กันเพียงพ่อแม่และลูกสาวกับหลานสาว โดยเบื้องต้นทางเจ้าของบ้านเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของแก๊งเงินกู้นอกระบบ เนื่องจากก่อนหน้านี้ลูกเลี้ยงที่อยู่คนละบ้านได้ไปกู้เงินมาโดยที่เจ้าของบ้านไม่ทราบเรื่อง แล้วขาดผ่อนส่งจนถูกติดตามทวงและข่มขู่ ทั้งที่คงค้างเงินต้นเพียงประมาณ 1,000 บาทเท่านั้น จนกระทั่งมาเกิดเหตุครั้งนี้ทั้งนี้จากการตรวจสอบทราบว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่บ้านเลขที่ 23 หมู่6 บ้านโปง ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ของนายศรัณย์ ชิ้นประกอบเกิด อายุ 47 ปี อาชีพขับรถสี่ล้อแดง ที่เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า ช่วงเช้ามืดวันนี้(13 ก.ค.62) เวลาประมาณ 04.00 น. ขณะที่ตัวเอง และภรรยา กับลูกสาวและหลานสาว นอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน ตกใจตื่นขึ้นมาเนื่องจากสุนัขที่เลี้ยงไว้เห่า จึงเปิดประตูบ้านออกมาดูปรากฏว่าพบเห็นผู้ชาย 4-5 คน บุกเข้ามาภายในบริเวณบ้าน ซึ่งไม่ได้ล้อมรั้วแล้วขว้างปาถุงที่บรรจุเลือดหมูอยู่ใส่ตัวบ้านและทั่วบริเวณ รวมทั้งรถยนต์และเครื่องใช้ในบ้าน จนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยเลือดหมูสีแดงและมีกลิ่นคาวคละคลุ้ง ซึ่งเมื่อคนร้ายเห็นตัวเองเปิดประตูออกมาได้หลบหนีไปอย่างรวดเร็วทันทีโดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้สร้างความตกใจและหวาดกลัวให้กับตัวเองและทุกคนในบ้านเป็นอย่างมาก เพราะปกติจะอาศัยอยู่ด้วยกันโดยที่ตัวเองเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว ที่เหลือเป็นผู้หญิงและเด็ก ส่วนสาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุนั้น เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบ เพราะช่วงก่อนหน้านี้มีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาที่บ้านเพื่อติดตามและทวงหนี้กับลูกสาวที่เป็นลูกติดภรรยา จึงสอบถามได้ความว่าลูกสาวไปกู้เงินจากแก๊งดังกล่าวมาจำนวน 4,000 บาท และตกลงผ่อนจ่ายคืนให้เป็นรายวันๆละ 200 บาท จำนวน 24 วัน จนเหลือเงินต้นประมาณ 1,000 บาท แต่ต่อมาขาดส่ง ซึ่งตัวเองได้ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกู้เงินดังกล่าว เพราะลูกสาวไม่เคยบอกและไม่ได้พักอาศัยบ้านเดียวกัน จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้กลับไป แต่ยังมีการโทรศัพท์ข่มขู่ลูกชายอีกคน จนกระทั่งมาเกิดเหตุในครั้งนี้สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น นายศรัณย์ ย้ำว่า รู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก เพราะไม่คาดคิดว่าการติดหนี้เงินกู้นอกระบบเพียงประมาณ 1,000 บาทเท่านั้น จะเป็นทำให้คนเราถึงขั้นต้องข่มขู่และก่อเหตุกันอย่างรุนแรงอย่างนี้ และยิ่งเสียความรู้สึกเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวที่บ้านหลังนี้ถูกก่อเหตุเช่นนี้ เพราะเป็นบ้านที่ตัวเองเพิ่งสร้างเสร็จและเข้าอยู่อาศัยได้ไม่ถึงปี หลังจากที่ต้องใช้น้ำพักน้ำแรงทำมาหากินด้วยอาชีพขับรถรับจ้างนานนับสิบปีเพื่อเก็บเงินจนสร้างและมีบ้านเป็นของตัวเองที่ทั้งรักผูกพันและทะนุถนอมอย่างดี แต่กลับมาถูกกระทำอย่างนี้ ซึ่งต้องการติดตามหาตัวผิดให้ได้และมารับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้าน แม้ความเสียหายทางจิตใจจะไม่สามารถทำได้ก็ตาม โดยเบื้องต้นได้เข้าแจ้งความกับทางตำรวจแล้ว และได้รับการดูแลช่วยเหลือเป็นอย่างดีในการติดตามหาตัวคนร้ายขณะที่นางสาวฟ้า (นามสมมุติ) ลูกเลี้ยงของนายศรัณย์ ยอมรับว่า เมื่อประมาณเดือน มิ.ย.62 ที่ผ่านมา เดือดร้อนเรื่องเงิน เพราะทำอาชีพรับจ้างทั่วไปและมีรายได้ไม่เพียงพอใช้จ่าย ต่อมาไปพบเห็นแผ่นกระดาษที่มีการพิมพ์ข้อความโฆษณาเชิญชวนเกี่ยวกับการให้บริการกู้เงินนอกระบบ โปรยอยู่ตามแหล่งชุมชน จึงตัดสินใจโทรไปติดต่อขอใช้บริการกู้เงินนอกระบบดังกล่าวจำนวน 4,000 บาทโดยมีข้อตกลงสัญญาจะต้องผ่อนใช้ให้ทุกวันวันละ 200 บาท เป็นเวลา 24 วัน ซึ่งต่อมาเนื่องจากติดขัดปัญหาเรื่องเงินอีกจึงต่อรองเหลือผ่อนวันละ 100 บาท จนเหลือเงินต้น 1,100 บาท แต่ทางเจ้าหนี้ขอเรียกเก็บดอกเบี้ยเพิ่มอีก 800 บาทอย่างไรก็ตามตัวเองยังติดปัญหาไม่สามารถหาเงินมาผ่อนจ่ายได้อีกทำให้โดนข่มขู่มาตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งตัวเองได้พยายามเจรจาไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้จะขอใช้คืนให้ทั้งหมดในวันที่ 1 ส.ค.62 แต่ปรากฏว่าก็มาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน โดยที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเงินการเป็นหนี้เพียงประมาณ 1,000 บาทเท่านั้น จะทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายกับตัวเองและครอบครัวเช่นนี้ ทั้งนี้ยอมรับว่ารู้สึกผิดที่ทำให้พ่อแม่ น้องสาว และลูกสาวที่อยู่บ้านที่เกิดเหตุต้องมาพบเจอกับเรื่องเลวร้ายในครั้งนี้ โดยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับรู้กับสิ่งตัวเองทำไว้เลย ซึ่งอยากขอโทษ.