ผู้บริหารสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่1(เชียงใหม่) นำ จนท.ลงพื้นที่ตรวจสอบทันทีหลังโซเชียลโพสต์ภาพระบุกล้าไม้เหี่ยวแห้งยืนต้นตายบนพื้นที่ห้วยตึงเฒ่า ที่“ฌอน”ไลฟ์โค้ชชื่อดังร่วมปลูกพร้อม“ลุงป้อม”เมื่อปีที่แล้ว ยืนยันแค่ไม้ผลัดใบตามธรรมชาติ ตรวจนับต้นที่ปลูกโดยบุคคลสำคัญทั้งหมด47ต้น ยังอยู่ดีครบทั้งหมด พร้อมย้ำ “ฌอน” แค่คนมาร่วมกิจกรรม ไม่เกี่ยวข้องร่วมจัด
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “Tee Hit” ได้โพสต์ภาพกล้าต้นไม้ที่ถูกปลูกเรียงเป็นแถว แต่ไม่ได้รับการดูแลและเหี่ยวแห้งตาย มีเพียงฟางหญ้าคลุมไว้ที่โคนต้นเท่านั้น พร้อมบรรยายข้อความว่า “ฌอน นายจำได้ไหม??ป่าที่นายเคยมาปลูก ต้นไม้ที่นายเคยปลูกก็ยังไม่มีใบงอกมาสักใบเลย ผ่านไปเป็นปีแล้ว นายกลับมาดูแลบ้าง???” ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีผู้นำไปแชร์ต่อและเข้าไปแสดงความคิดเห็นวิพากษณ์วิจารณ์จำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นการตำหนิ โดยเชื่อว่าภาพที่มีการนำมาโพสต์นั้น เป็นพื้นที่ปลูกป่าตามโครงการ“รวมใจไทยปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียว” บริเวณห้วยตึงเฒ่า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และนายฌอน บูรณะหิรัญ ไลฟ์โค้ชและเน็ตไอดอลชื่อดังเข้าร่วมด้วย ก่อนที่ต่อมา “ฌอน” จะถูกโจมตีอย่างหนักให้ตรวจสอบเกี่ยวกับการรับบริจาคเงินช่วยดับไฟป่าดอยสุเทพ ทำให้ต้องเก็บตัวเงียบไปตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จนกระทั่งล่าสุดเกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง
วันนี้(15 ม.ค.64) ที่ห้วยตึงเฒ่า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นายณัฏฐนันธ์ ด่านอนุพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนจัดการป่าชุมชน รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่1(เชียงใหม่) และนายศิริชัย ทองประเสริฐ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการปลูกป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่1(เชียงใหม่) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ปลูกป่าตามโครงการ“รวมใจไทยปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียว” ซึ่งอยู่ใกล้กับอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าและลานหุ่นฟางคิงคอง เพื่อสำรวจและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่โซเชียลมีเดียมีการโพสต์ภาพและตั้งข้อสังเกตว่าต้นไม้ที่ปลูกไว้ตามโครงการดังกล่าวเหี่ยวแห้งตายหมด จนเกิดกระแสวิพากษ์อย่างกว้างขวาง
โดยเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าต้นไม้ที่ปลูกไว้โดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมทั้งบุคคลสำคัญ จำนวน 47 ต้น และที่ปลูกเสริมเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่งเป็นรวม 60 ต้น ไม่ได้ตายหมดตามที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียแต่อย่างใด ซึ่งสภาพต้นไม้ที่ไม่มีใบนั้น เป็นเพียงการผลัดใบในช่วงย่างเข้าสู่ฤดูแล้งเท่านั้น อย่างไรก็ตามพบว่ามีบางต้นที่ตาย แต่มีอัตราการรอดสูงกว่า 80% ขณะที่ต้นตะเคียนทองที่ปลูกโดยพลเอกประวิตรและต้นไม้ที่บุคคลสำคัญร่วมกันปลูกรวมจำนวน 47ต้นนั้น ยังไม่ตายและอยู่ครบทั้งหมด ซึ่งจากนี้เตรียมจัดเจ้าหน้าที่เพิ่มความถี่ในการดูแลมากขึ้น
ทั้งนี้นายณัฏฐนันธ์ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าต้นไม้ที่ปลูกตามโครงการไม่ได้ตายตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในโซเชียลมีเดียแต่อย่างใด โดยลักษณะที่ต้นไม้ไม่มีใบนั้น เป็นเพียงการผลัดใบตามธรรมชาติในช่วงย่างเข้าสู่ฤดูแล้งเท่านั้น และจากการตรวจนับพบว่าต้นไม้ที่ปลูกโดยบุคลลสำคัญทั้งหมด 47 ต้น ยังไม่ตายและอยู่รอดทั้งหมด ส่วนที่มีการปลูกเสริมเพิ่มเติมไว้ในคราวเดียวกันนั้น พบว่ามีตายไปบางส่วน อย่างไรก็ตามในภาพรวมต้นไม้ที่ปลูกไว้ทั้งหมดมีอัตราการรอดสูงกว่า80% พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมาร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ทหารที่เป็นเจ้าของพื้นที่ดูแลต้นไม้ที่ปลูกไว้อย่างต่อเนื่อง แต่จากนี้จะมีการจัดเจ้าหน้าที่ป่าไม้และเพิ่มความถี่ในการเข้ามาดูแลเพิ่มขึ้น
ขณะที่นายศิริชัย ทองประเสริฐ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการปลูกป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่1(เชียงใหม่) กล่าวว่า ตามที่มีข้อมูลเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียว่าต้นไม้ที่ปลูกไว้ตายนั้น ในข้อเท็จจริงแล้วต้นไม้ที่มีการนำมาปลูกไว้นั้น ตามธรรมชาติจะมีการผลัดใบในช่วงหน้าแล้ง และแตกยอดออกใบใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงหน้าแล้งพอดี จึงเป็นปกติที่ต้นไม้ที่ปลูกไว้จะผลัดใบออกหมด แต่เมื่อย่างเข้าช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.จะพบว่ามีการแตกยอดออกใบใหม่ โดยขณะนี้บางต้นก็เริ่มแตกยอดและออกใบใหม่ให้เห็นบ้างแล้ว นอกจากนี้จากการให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจนับต้นไม้ที่ปลูกไว้โดยบุคคลสำคัญพบด้วยว่ายังอยู่ครบทั้ง 47ต้น ส่วนที่มีการปลูกเสริมเพิ่มเติมให้ครบ60ต้น มีตายบางส่วน และจะทำการปลูกเพิ่ม รวมทั้งเพิ่มความถี่ในการจัดเจ้าหน้าที่ป่าไม้แวะเวียนมาดูแลร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร
ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการปลูกป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่1(เชียงใหม่) บอกด้วยว่า ต้นไม้ที่ปลูกไว้เป็นไม้เศรษฐกิจและโตช้า ได้แก่ ประดู่ มะค่า พะยูง สัก ตะเคียนทอง ซึ่งจะต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรม ดังนั้นในเวลานี้จึงอาจจะยังไม่เห็นผลว่าต้นไม้สูงใหญ่เพราะเพิ่งปลูกเมื่อกลางปี 2563 ที่ผ่านมานี้เอง แต่ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้จะดูแลอย่างดีที่สุดเพื่อให้ต้นไม้ที่ปลูกไว้อยู่รอดและยืนต้นเติบใหญ่ในระยะยาว พร้อมกันนี้ชี้แจงด้วยว่าโครงการปลูกป่าดังกล่าวนี้ “ฌอน” เป็นเพียงผู้ที่เข้ามาร่วมกิจกรรมเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนร่วมจัดหรือดำเนินการแต่อย่างใด